คุณบุญชัย วัฒนนิมิตพร (ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ Vivo Thailand) กล่าวว่า "เราได้รังสรรค์นวัตกรรมโดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก เรามีความยินดีที่จะเปิดตัวโทรศัพท์ Vivo V11, V11i ที่มาพร้อมกับระบบ AI ที่จะมามอบประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายและตอบโจทย์ความต้องการมากกว่าที่เคยมีมา ดังนั้น เราจึงคิดค้นกล้องอัจฉริยะที่จะช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่าย รวมทั้งมีบริการ AI ต่าง ๆ และยังมีเทคโนโลยี In-Display Fingerprint Scanning ซึ่งเป็นครั้งแรกของซีรี่ส์ V เราจะมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมล้ำสมัยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ"
กล้องอัจฉริยะของ V11 ช่วยให้ถ่ายภาพได้สวยสมบูรณ์แบบอย่างง่าย ๆ
V11 เป็นการพัฒนาประสิทธิภาพในการถ่ายภาพของ Vivo หลังจากที่เปิดตัว V9 ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Vivo ได้พัฒนาระบบ AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในเรื่องการถ่ายภาพในทุกสถานการณ์
กล้อง V11 เป็นกล้องหลังสองตัว 12MP + 5MP มาพร้อมกับรูรับแสง f/1.8 ความละเอียด 1.28μm พิกเซล และมีกล้องหน้า 25MP โดยกล้องหลัง 12MP มีเซ็นเซอร์ Dual Pixel ที่มีจุดรับภาพถึง 24 ล้านจุดเพื่อถ่ายทอดความเหมือนจริง และมีเทคโนโลยี Dual-Pixel Autofocus ระดับกล้อง DSLR สามารถล็อกโฟกัสได้ในเวลาเพียง 0.03 วินาที
การถ่ายภาพที่สวยงามนั้นทำได้ง่ายขึ้นด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยลดความท้าทายในการถ่ายภาพ และไม่ว่า ใครๆ ก็สามารถถ่ายภาพได้สวยงามระดับมืออาชีพ โดย AI Backlight HDR และ AI Low Light Mode ใช้ระบบ AI เพื่อเก็บภาพหลายเฟรมเพื่อเก็บรายละเอียดและนำมารวมกันเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามที่สุด แม้ในสถานการณ์ที่ถ่ายภาพยาก เช่น เวลาพระอาทิตย์ตก นอกจากนี้ยังมี AI Scene Recognition ที่สามารถแยกชนิดของภาพได้ และปรับการตั้งค่าให้เหมาะสมกับภาพนั้น เพื่อให้ภาพดูสวยงามและโดดเด่น
สำหรับการถ่ายเซลฟี่ V11 , V11i มีเทคโนโลยี AI Face Shaping ที่สามารถปรับรูปหน้าได้อย่างอัจฉริยะ เพิ่มความงามให้อย่างเป็นธรรมชาติ และยังมี AI Selfie Lighting เพิ่มลูกเล่นเรื่องแสง ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ รวมถึงฟีเจอร์ AI Portrait Framing เพื่อให้ได้ภาพที่สวยดั่งใจอย่างง่ายดาย สามารถแนะนำมุมในการถือกล้องได้เพื่อให้ภาพออกมาสวยทุกครั้ง
ประสบการณ์สุดล้ำพร้อมฟังก์ชั่นที่เหนือกว่า
นอกจากความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพแล้ว V11 , V11i ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ล้ำสมัย เช่น Jovi Smart Scene, Google Lens และ Google Assistant ซึ่ง Jovi Smart Scene ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยการเข้าใจสถานการณ์ของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการเช็คพยากรณ์อากาศหรือให้ข้อมูลที่อัพเดทอยู่เสมอ ส่วน Google Assistant ช่วยมอบความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน เช่น แผนที่ ช้อปปิ้งออนไลน์ จัดการการเดินทาง ฟังเพลง ดูวิดีโอ และเล่นโซเชียลมีเดีย และ Google Lens มาพร้อมกับอัลกอริธึมสุดอัจฉริยะที่ช่วยให้เสิร์ชสิ่งที่เห็นได้ทันที
ดีไซน์แห่งอนาคต พร้อมเทคโนโลยี In-Display Fingerprint Scanning ครั้งแรกของซีรี่ส์ V
Vivo V11 มีสัดส่วน 19.5:9 และหน้าจอขนาด 6.41 นิ้ว แบบ Super AMOLED Halo FullView Display ที่มีสัดส่วนจอต่อตัวเครื่อง 91.27% กรอบด้านข้างบางเฉียบเพียง 1.76 มิลลิเมตร และ V11i หน้าจอกว้างถึง 6.3 นิ้ว ที่มีสัดส่วนจอแสดงผลที่สูงถึง 90.4% และรูปทรงโค้งแบบสามมิติ ไร้รอยต่อระหว่างจอและขอบ นอกจากจะมองเห็นชัดขึ้นแล้วยังสะดวกต่อการถืออีกด้วย
ที่สำคัญ V11 มาพร้อมกับโพรเซสเซอร์ Snapdragon 660AIE และ 6GB RAM + 128 ROM เพื่อการใช้งานที่ไม่สะดุด และ V11i มาพร้อมกับ Mediatek Helio P60 4GB RAM + 128ROM และยังมี Funtouch OS 4.5 (จาก Android 8.1) และ Jovi AI Engine ที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ใช้งานได้หลายอย่างพร้อมกันได้
V11 เป็นรุ่นแรกในซีรี่ส์ V ที่มีเทคโนโลยี In-Display Fingerprint Scanning ไม่ต้องอาศัยช่องสแกนนิ้วเพื่อให้ดีไซน์เรียบสนิทไร้รอยต่อ เทคโนโลยีนี้เปิดตัวไปเมื่อต้นปีและทำให้หน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้นโดยไม่ลดมาตรฐานความปลอดภัย เทคโนโลยีนี้ของ V11 แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของ Vivo ในด้านการแก้ปัญหาการใช้งานจริงของผู้บริโภค
ความแม่นยำของ Face Access เพิ่มมากขึ้นด้วยการใช้อินฟราเรด สามารถสแกนจุดต่าง ๆ บนใบหน้าได้ถึง 1,024 จุดเพื่อให้ปลดล็อกโทรศัพท์ได้ง่ายขึ้นแม้อยู่ในที่มืด
Vivo ได้รังสรรค์สีใหม่ขึ้นมา 2 สี ด้วยแรงบันดาลใจจากความลึกลับแห่งจักรวาล ได้แก่ Starry Night และ Nebula โดย Starry Night เป็นสีดำและน้ำเงิน ส่วน Nebula เป็นสีฟ้าและม่วง ชวนให้นึกถึงแกแล็กซี่ที่ไกลโพ้น สื่อถึงดีไซน์แห่งอนาคตของ V11
การจำหน่าย
V11,V11i มีให้เลือกทั้งสี Starry Night และ Nebula พร้อมจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ 16 กันยายนเป็นต้นไป
สามารถดาวน์โหลดภาพถ่ายของ V11 ได้ที่: https://edelmanftp.boxcn.net/v/V11
About Vivo
Vivo เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลกที่มุ่งเน้นนวัตกรรมที่ดีเยี่ยมและบริการที่เป็นเลิศ และเน้นเรื่องระบบอินเตอร์เน็ตที่ใช้สำหรับโทรศัพท์โดยเฉพาะ และเป็นเจ้าของและผู้ให้บริการเครือข่ายการวิจัย โดยมีศูนย์ R&D ทั้งในสหรัฐอเมริกา (ซานดิเอโก้) และประเทศจีน ที่เมืองเซินเจิ้น หนานจิง ปักกิ่ง หางโจวและตงกว่าน โดยศูนย์เหล่านี้เน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภค เช่น 5G AI การถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์ และดีไซน์สมาร์ทโฟนยุคใหม่
ณ สิ้นปี 2017 มีผู้ใช้ Vivo กว่า 2 ร้อยล้านรายทั่วโลก โดยมีจำหน่ายใน 18 ประเทศ และมีร้านค้าในเมืองกว่า 1,000 แห่งทั่วโลก