ไม่เพียงแต่จะดึงดูดนักเดินทางกลุ่มธุรกิจให้เดินทางเข้ามาประชุมและจัดสัมมนาในเมืองไทย หากแต่การจัดประชุมภายในประเทศ หรือที่เรียกว่า “Domestic MICE” ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยในปี 2554 คาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศเพิ่มสูงถึง 2.5 ล้านคน สร้างรายได้หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศกว่า 17,500 ล้านบาท
ไม่ว่าจะจัดประชุมแนวม่วนชื่นที่ภาคเหนือ สัมมนาออนซอนที่อีสาน จัดงานแสดงสินค้าสุดชิคในภาคกลาง หรือจะจัดโปรแกรมการประชุมแบบหรอยๆ ที่ภาคใต้ ก็สามารถนำเคล็ดลับสไตล์กรีนมีทติ้งส์เข้าไปผสมผสานได้อย่างง่ายและลงตัวเพื่อต่อยอดให้การประชุมมีสีสันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เริ่มต้นออกเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนแทนการใช้รถส่วนตัว เช่น เรือ รถไฟ ในกรณีที่ไม่ต้องการความเร่งด่วนก็ควรหลีกเลี่ยงการนั่งเครื่องบินไฟลท์สั้นๆ ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมาก เมื่อไปถึงสถานที่นั้นๆ ก็สามารถใช้บริการรถประจำท้องถิ่น เช่น รถม้า รถสามล้อถีบ ไปยังจุดหมายที่ต้องการหากมีระยะทางไกลที่ไม่สามารถเดินไปถึง
ในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออกที่รายล้อมด้วยทะเล และเกาะน้อยใหญ่ เราก็สามารถเปลี่ยนห้องประชุมสี่เหลี่ยมเป็นสถานที่ที่นั่งคุยกันได้สบายๆ บนหาดทรายที่ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา เพื่อรับแสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้า เคล้าเสียงคลื่นที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง อาจจะทำให้การประชุมครั้งนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน ลื่นไหล ไอเดียบรรเจิด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
หลังการประชุม ลองผ่อนคลายความเมื่อยล้า เติมความสดชื่นให้กับสมอง ด้วยกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่ทั้งช่วยสร้างจิตสาธารณะ และผสานสามัคคีในหมู่คณะ เช่น กิจกรรมปลูกป่าชายเลน ล่องเรือปล่อยพันธุ์อนุบาลสัตว์น้ำ หรือชักชวนกันทำกิจกรรม “ฝากธนาคารต้นกล้าหญ้าทะเล” เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้สัตว์ทะเล โดยเฉพาะปลาพะยูนที่ใกล้จะสูญพันธ์ และใช้เป็นแหล่งอาศัยและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อน
ปิดท้ายด้วยการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น การไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ของชุมชน แล้วแวะรับประทานอาหารขึ้นชื่อของท้องถิ่นนั้นๆ หรือท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติร่วมกัน เช่น อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นศูนย์การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพลังงาน การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม สัมผัสกับห้องเรียนธรรมชาติ อาทิ ป่าชายเลน ป่าชายหาด และป่าบก การฟื้นฟูสภาพดินเสื่อมโทรม การแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
หลังจากทำกิจกรรมมาตลอดทั้งวันแล้ว เลือกพักผ่อนกับสถานที่พักที่ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เช่นมาตรฐานใบไม้เขียว หรือ มาตรฐานกรีนโกลบ ที่จะทำให้มั่นใจได้ถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจการอนุรักษ์พลังงานและธรรมชาติ เช่น ใช้การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว มีระบบการกำจัดของเสียที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการการใช้พลังงาน ISO 50001 มีการใช้พลังงานทดแทน โดยสามารถค้นหาโรงแรมสีเขียวทั่วทุกภาคของประเทศได้ที่ http://www.greenleafthai. org/th/ green_hotel/
ก่อนเดินทางกลับก็อาจแวะซื้อของฝากซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นเพื่อกระจายรายได้ให้คนในชุมชน ที่สำคัญอย่าลืมพกพาถุงผ้าลดโลกร้อนเวลาไปชอปปิ้ง เพื่อลดการสร้างขยะ
หันมาประชุมเมืองไทยในแบบกรีนมีทติ้งส์ตั้งแต่วันนี้ นอกจากจะช่วยลดการทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยสร้างรายได้ให้คนในชุมชน และพัฒนาเศรษฐกิจไทยในเวลาเดียวกัน
อ้างอิงข้อมูล: http://www.greenmeetingsthailand.com/
http://www.meetinginthailand.com/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
คุณสุเมธ กาญจนพันธุ์
ผู้จัดการประชาสัมพันธ์
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
โทร.02-694-6000 ต่อ 6095
อีเมล [email protected]
คุณรจิตร พุทธิพงษ์
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์อาวุโส
บริษัท ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน
โทร.02-627-3501 ต่อ 204
อีเมล [email protected]
ภาพประกอบบทความ
เดินทางด้วยรถไฟ แทนรถยนต์ส่วนตัว เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และลดปัญหาการจราจร
เลือกใช้บริการรถโดยสารสาธารณะระจำท้องถิ่น เพื่อกระจายรายได้ให้คนในชุมชน และลดปัญหามลพิษ
บรรยากาศริมทะเลที่เกาะห้อง เขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จังหวัดกระบี่ สามารถใช้เป็นสถานที่จัดประชุมสัมมนา แบบใกล้ชิดธรรมชาติ
http://www.unseentourthailand.com/pgallery/datafiles/gallery/large/gallery_20100208_a1a884b.jpg
เยี่ยมชมบรรยากาศธรรมชาติของป่าชายเลน หรือร่วมกันปลูกต้นโกงกาง เป็นกิจกรรมรักษ์โลกหลังการประชุมสัมมนา เพื่อสร้างความสามัคคีในองค์กร
เลือกพักกับสถานที่พักลดโลกร้อนแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งมีมาตรฐานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน
http://www.ilovetogo.com/FileUpload/Editor/ImagesUpload/WebContent/Story/5211/1443901.jpg