นายทินกร เปิดเผยว่า โครงการ กฟผ. เพาะเมล็ดพันธุ์จิตอาสาพัฒนาสังคม จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 แล้ว โดยมีกิจกรรมที่จัดไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 160 โครงการ มีจิตอาสาที่ได้เข้าร่วมโครงการจาก สถานศึกษาทั่วประเทศเกือบ 2,000 คน และได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งนักศึกษาที่มีจิตอาสา ต้องการทำเพื่อสังคม และจากชุมชนที่จัดกิจกรรมขึ้น บรรลุวัตถุประสงค์ของ กฟผ. ที่ต้องการส่งเสริมการสร้างคนรุ่นใหม่ ให้มีจิตสาธารณะ และมีความคิดสร้างสรรค์ในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม สนับสนุนส่งเสริมให้เยาวชน "คิดดี ทำดี" เพื่อประโยชน์แก่สังคมและชุมชน นอกจากนี้ ยังเกิดทักษะในการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ฝึกประสบการณ์แก้ปัญหาเฉพาะหน้าและความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว อันเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้ภารกิจสัมฤทธิ์ผลอีกด้วย
สำหรับผู้ได้รับรางวัลค่ายดีเด่น ทั้ง 5 ค่าย ประจำรุ่นที่ 8 ได้แก่
มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา จากโครงการ ค่ายอาสาสร้างสุขให้น้องและชุมชน 2 ตอน ปั่นเพื่อน้องและชุมชน
มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ/ วิทยาลัยเทคนิคน่าน จาก โครงการหมู่บ้าน กฟผ.วิถีพอเพียง
มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย จากโครงการ กฟผ.จิตอาสาพัฒนาชุมชนท่าปลา และโรงเรียนน้องสู่วิถีพอเพียง
มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ จากโครงการราชภัฎร่วมใจอาสาพัฒนาท้องถิ่นปี 6 ตอนหมู่บ้านชีววิถี
วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้ จากโครงการ กฟผ.ร่วมกับชมรมมุสลิมสัมพันธ์ SCT เพื่อพัฒนาโรงเรียนให้มีขุมทรัพย์ในดินหล่อเลี้ยงชีวินอย่างยั่งยืน
โดยเยาวชนที่ได้รับรางวัลค่ายดีเด่นทั้ง 5 ทีม ได้ร่วมกิจกรรมตามรอยพระบาทรัชกาลที่ 9 และได้รับโล่รางวัล ใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัลทุนการศึกษาทีมละ 30,000 บาท
สำหรับโครงการ "กฟผ. เพาะเมล็ดพันธุ์จิตอาสาพัฒนาสังคม รุ่น 8" (EGAT CSR CAMP) มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกจิตสำนึกที่ดีในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยอุทิศตนช่วยเหลือสังคม ร่วมพัฒนาต่อยอดโครงการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศที่ กฟผ. ดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเพื่อสร้างเครือข่ายการทำงานด้าน CSR ให้เกิดขึ้น โดยเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนี้จะได้ร่วมเยี่ยมชมกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ เรียนรู้แนวคิดและวิธีการตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า และเรียนรู้การปฏิบัติตามแนวชีววิถีในพื้นที่จริง