ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา แต่งานวิจัยของไรมอน แลนด์ก็ชี้ให้เห็นว่าผู้ซื้อยังคงมีความมั่นใจในอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นอย่างมาก โดยความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการบริหารจัดการน้ำเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม ตลอดจนการขยายตัวอย่างเป็นรูปธรรมของระบบขนส่งสาธารณะทั่วกรุงเทพฯ ต่างก็มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ให้คึกคัก ขณะที่อัตราการเติบโตของค่าตอบแทนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าในเมืองพัทยา ก็สามารถผลักดันให้เกิดอุปสงค์และอุปทานด้านที่พักอาศัยได้เป็นอย่างดี
“การขยายตัวของระบบขนส่งสาธารณะออกไปในย่านต่างๆ ของกรุงเทพฯ ได้ส่งผลให้มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ผุดขึ้นตลอดเส้นทางใหม่เหล่านี้” มร.ไซม่อน เดอร์วิลเล่ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าว “ตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา เราพบว่ามีห้องชุดก่อสร้างแล้วเสร็จบนทำเลที่พัฒนาขึ้นใหม่จำนวนทั้งสิ้น 6,135 ยูนิต ขณะที่โครงการใหม่บนทำเลทองย่านใจกลางเมือง มีจำนวนห้องชุดที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเพียง 3,730 ยูนิต แนวโน้มนี้จะยังคงเห็นได้ชัดต่อไปในอนาคต โดยในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้านั้น จะมีห้องชุดที่ก่อสร้างแล้วเสร็จบนทำเลใหม่อีกจำนวน 30,100 จากการเปิดตัวโครงการในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 44,168 ยูนิต”
“ทุกวันนี้ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างก็หันมามุ่งพัฒนาโครงการระดับกลางในพื้นที่รอบๆ บริเวณใจกลางเมือง หรือบนทำเลที่ไม่ติดชายหาดในพัทยา มากกว่าที่จะไปพัฒนาโครงการระดับหรูบนทำเลราคาแพง เนื่องจากราคาที่ดินยังพอซื้อได้ ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเห็นได้ว่ามีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในตัวเมืองกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก และจำนวนห้องชุดที่ยังขายไม่ได้นั้น ก็เพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ ผนวกกับมีผู้ซื้อห้องชุดเพื่อเก็งกำไรเป็นจำนวนมาก”
นอกจากนี้ ไรมอน แลนด์ ยังพบว่าตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ นั้น ถือว่าเป็นตลาดที่มีความคุ้มค่าอยู่ไม่น้อยในระดับสากล ด้วยราคาห้องชุดต่อตารางเมตรโดยเฉลี่ยที่สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาเพียงร้อยละ 2.27 มาอยู่ที่ 116,681 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งถือว่าต่ำกว่าราคาห้องชุดในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้กว่า 2-3 เท่าตัว และหากเปรียบเทียบกับสิงคโปร์และฮ่องกงแล้ว ห้องชุดในกรุงเทพฯ ก็มีราคาถูกกว่าถึง 6-8 เท่าตัวเลยทีเดียว
ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า แรงผลักดันตลาดคอนโดมิเนียมพัทยา
ตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมานี้ มีการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมแล้วเสร็จในพัทยา คิดเป็นจำนวนห้องชุดเพียง 731 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่ายอดการก่อสร้างแล้วเสร็จราว 7,400 ยูนิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 และครึ่งแรกของปี 2554 เป็นอย่างมาก โดยมีสาเหตุมาจากการชะลอหรือหยุดการก่อสร้างสำหรับหลายๆ โครงการ แต่สำหรับในอนาคตนั้น คาดว่าจะมีห้องชุดก่อสร้างแล้วเสร็จสูงถึง 28,000 ยูนิตภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจำนวนห้องชุดใหม่ที่จะเข้ามาสู่ตลาดนี้ อาจมีผลกระทบต่ออัตรายอดขายที่ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูงได้ ทั้งนี้ ห้องชุดที่อยู่ในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทนั้น กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของบ้านหลังที่สองภายในเมืองที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและยังคงเติบโตอยู่อย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าอสังหาริมทรัพย์บนทำเลริมหาดจะยังคงเป็นที่ต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ แต่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาก็ได้เริ่มเบนความสนใจไปหาโครงการในทำเลอื่นๆ มากขึ้น โดยจากโครงการคอนโดมิเนียม 31 โครงการที่เปิดตัวไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 จนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2555 จำนวน 14,309 ยูนิตนั้น มีเพียง 2,688 ยูนิตเท่านั้นที่อยู่บนทำเลริมชายหาด ซึ่งแน่นอนว่าห้องชุดเหล่านี้มีราคาสูงกว่าห้องชุดบนทำเลอื่นๆ มาก สำหรับอัตรายอดขายของโครงการใหม่เหล่านี้นั้น อยู่ที่ร้อยละ 51.7 สำหรับโครงการทำเลไม่ติดชายหาด และร้อยละ 70.3 สำหรับโครงการบนทำเลริมหาด
“เพราะว่าอสังหาริมทรัพย์ในพัทยามีราคาเริ่มต้นที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ อีกทั้งอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยห้องชุดให้เช่าในพัทยานั้นสูงกว่าเป็นเงาตามตัว” มร. เดอร์วิลเล่ กล่าวเสริม “ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยานั้นจะเติบโตไปตามทิศทางและแนวโน้มของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสันทนาการ ซึ่งทำให้สัญญาเช่าส่วนใหญ่นั้นเป็นสัญญาระยะสั้นที่มีราคาค่อนข้างยืดหยุ่น”
คอนโดมิเนียม โฟกัส ประเทศไทย เป็นรายงานผลการวิจัยเพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนและบุคคลทั่วไปที่ต้องการศึกษาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ อุปสงค์และอุปทานของตลาดคอนโดมิเนียม รวมถึงรายละเอียดโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ยอดขาย และยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
รายงานการวิจัยฉบับล่าสุดมีรายละเอียดโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมาในทำเลกรุงเทพฯ และพัทยา โดยไรมอน แลนด์ ได้รวบรวมเพื่อนำมาเผยแพร่ในรายงานผลการวิจัย จากการลงพื้นที่สำรวจโครงการเป็นประจำทุกเดือน รวมถึงการสัมภาษณ์ การวิเคราะห์บทความข่าว งานวิจัยสำหรับนักลงทุนที่ออกโดยบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลจากบริษัทวิจัย
ทั้งนี้ การเก็บข้อมูลในเขตกรุงเทพฯ ชั้นในประกอบด้วย ทำเลย่านสุขุมวิท สีลม/สาทร ลุมพินี พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และตลอดเส้นทางเดินรถไฟฟ้า ขณะที่การเก็บข้อมูลในเขตพัทยาประกอบด้วย บริเวณนาเกลือ พัทยาเหนือ จนถึงหาดจอมเทียน และพัทยาใต้
หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ: สามารถ Download เอกสารรายงานผลการวิจัย “คอนโดมิเนียม โฟกัส ประเทศไทย: ข้อมูลล่าสุดสำหรับทำเลกรุงเทพฯ ชั้นในและพัทยา” ในรูปแบบ PDF ได้ที่ www.raimonland.com