นายกิตติพงษ์ สุมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอริส กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่าแผนปีหน้าบริษัทเตรียมพัฒนาโครงการอย่างน้อย 2 โครงการ โดยจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม ในทำเลบางใหญ่ ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางไผ่ เป็นคอนโด 8 ชั้น จำนวน 5 ตึก ทั้งหมด 900 ยูนิต มูลค่า 900 ล้านบาท เป็นคอนโดราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ขนาด 28 ตรม. ขณะนี้ได้ที่ดินเรียบร้อยแล้วคาดว่าจะเปิดตัวเป็นทางการได้ประมาณกลางปีหน้า และอีก 1 โครงการอยู่ระหว่างการหาทำเล ซึ่งต้องการที่ดินจำนวน 15-20 ไร่ขึ้นไป จะสามารถพัฒนาได้ 200 หลัง โดยจะพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ คาดว่าจะเป็นโซนตะวันออก
ทั้งนี้ยอมรับว่ายอดรับรู้รายได้ของบริษัทปีนี้ไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งเป้าไว้รับรู้รายได้ไว้ที่ 700 ล้านบาท เนื่องจากเกิดปัญหาจากการก่อสร้างล่าช้าของโครงการ ไอรีส แอเวนิว ซึ่งเป็นมาจากน้ำท่วมและยังมีการเคลียร์พื้นที่ล่าช้าไปอีก 4 เดือน ส่งผลให้ปีนี้ไม่มียอดโอนเลย ซึ่งโครงการดังกล่าวจะไปโอนได้ในต้นปีหน้าทั้งหมด
บริษัทตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ในปีหน้าไว้ที่ 1,500 ล้านบาท มาจากการโอนของโครงการ ไอรีส แอเวนิว ซึ่งจะสามารถโอนได้ต้นปีหน้าและมาจากโครงการ เวนิส ดิ ไอรีส อีกบางส่วนซึ่งจะสามารถโอนโครงการได้ภายในปลายปีนี้บางส่วนเช่นกัน
สำหรับไตรมาสสุดท้ายนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวคอมมูนิตี้มอลล์และ Shop House ครั้งแรกย่านวัชรพล "เวนิส ดิ ไอรีส" บนพื้นที่ 40ไร่ มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาทโดยภายในโครงการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของ คอมมูนิตี้มอลล์ ใช้พื้นที่ 14ไร่ มีพื้นที่เช่า 9,000 ตรม. คิดเป็นอัตราค่าเช่า 900 บาทต่อตรม. มูลค่าลงทุน 340 ล้านบาท และในส่วนของ Shop House มีพื้นที่ 26 ไร่ จำนวน 263 หลัง มีทั้งหมด 9 รูปแบบ 9 สไตล์ 3ชั้น 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 3.8-7 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอย 158 ตรม. มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท
จุดเด่นของโครงการนั้นพยายามจำลองเมืองเวนิส ที่ประเทศอิตาลี ให้มาอยู่ที่โครงการนี้แบบ 100% ซึ่งเป็นเมืองที่ทำการค้าขาย และเป็นเมืองที่มั่งคั่งในสมัยอดีต เป็นศูนย์กลางการค้าของยุโรปในสมัยก่อน ทางบริษัทตั้งป้าให้ เวนิส เป็นแหล่งช้อปปิ้งและแหล่งศูนย์รวมของการจับจ่ายใช้สอยในของคนในย่านวัชรพล ดอนเมือง หลักสี่ คันนายาว และรามอินทรา จับลูกค้าระดับ B -A+ -ขึ้นไป โดยภายในศูนย์จะมีร้านอาหาร ธนาคาร แหล่งบริการต่างๆ โรงเรียนสอนดนตรี สอนภาษา และมีร้านค้าที่ตกแต่งแนวสไตล์ยุโรป และจุดเด่นที่สำคัญของโครงการคือมีเรื่อ Gondola ทั้งหมด 4 ลำ ล่องในโครงการเฉพาะพื้นที่ ที่ทางโครงการกำหนดไว้ให้ และมีที่จอดรถ สามารถรองรับได้กว่า 700 คัน
“ตั้งเป้าให้โครงการดังกล่าวเป็นจุดศูนย์กลางของคนย่านวัชรพล ดอนเมือง หลักสี่ คันนายาว และรามอินทรา เพื่อมาพักผ่อนจับจ่ายใช้สอยในวันหยุด มาท่องเที่ยวมาที่นี้ได้ ของทำเล รอบๆ รามอินทรา ริมทางด่วนที่จะมาพักผ่อน จากการสำรวจสัมมะโนครัว มีประชากรในย่านนี้กว่า 400,000 คน ซึ่งเป็นกลุ่ม Bประมาณ 30% หรือประมาณ 100,000 คน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา นอกจากนี้จากการทำการสำรวจคนในย่านวัชรพล ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่ง 1 คนถือบัตรเครดิต 7 ใบ ถือเป็นย่านที่ถูกบัตรเครดิตมากที่สุดในกรุงเทพ”
คาดว่าปลายปี 2556 โครงการดังกล่าวจะดำเนินการก่อสร้างไปกว่า 80% และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ 100% ไตรมาส 2 ปี2557 พร้อมเปิดให้บริการเป็นทางการ อย่างไรก็ตามขณะนี้ ในส่วนของ ช้อปเฮาส์ มียอดจอง 9 ยูนิต และคาดว่าคอมมูนิตี้มอลล์จะสามารถคืนทุนได้ภายใน 7 ปี โดยจะเน้นร้านอาหารเป็นหลัก ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดขนาด 100 ตรม.และเล็กสุดจะมีพื้นที่ขนาด 16 ตรม.ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ประมาณเดือนละ 5-6 ล้านบาท ล่าสุดโครงการดังกล่าวจะมีการเปิดตัวในวันที่ 10-11 พ.ย. นี้ ซึ่งลูกค้าที่จองภายในงานจะได้รับข้อเสนอพิเศษมากมาย
บริษัทเตรียมเปิดโรงงานผลิตพรีแฟบ ใช้งบลงทุน 300 ล้านบาท ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ถนนเส้นสุพรรณบุรี บนพื้นทั้งหมด 44 ไร่ แต่สร้างโรงงานเพียง 15 ไร่ คาดว่าจะเริ่มกำลังการผลิตได้เดือนเมษายนปี 2556 โดยมีกำลังการผลิตที่ 200,000 ตรม.ต่อปี อย่างไรก็ตามบริษัทพร้อมจะขยายโรงงานที่สองหากกำลังการผลิตเดิมเติม ถือว่าเป็นอีกธุรกิจหนึ่งเข้ามาตอบสนองบริษัทได้ดี และเข้ามาตอบโจทย์ด้านแรงงาน และทำให้สามารถควบคุ้มในเรื่องของเวลาในการทำก่อสร้างให้ลดลงได้