ดร.ชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานราก (เสาเข็มเจาะ) ระดับแนวหน้าของประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 1 ปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 71.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.24 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.18 โดยมีรายได้จากการให้บริการ 394.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 140 ล้านบาท หรือร้อยละ 55.09 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 254.15 ล้านบาท
"ผลประกอบการที่ออกมาถือว่าดีมาก ปริมาณงานเติบโตมากกว่าปีก่อน อัตราการใช้งานของเครื่องจักรเพิ่มขึ้น จากโครงการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนเริ่มฟื้นตัวในปี 2561 เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการลงทุนและก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัย ตามแนวรถไฟฟ้าที่ขยายตัว ขณะที่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนใหญ่กำลังเริ่มก่อสร้าง คาดว่าปีนี้ PYLON จะได้รับผลบวกจากโครงการก่อสร้างของทั้งภาครัฐและเอกชนที่ลงมือเริ่มก่อสร้างกันแล้ว" ดร.ชเนศวร์ กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าภาพรวมในครึ่งปีหลังปริมาณงานจะทยอยเพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้บริษัทจะทยอยรับรู้งานภาคเอกชนและภาครัฐควบคู่กัน โดยงานภาครัฐจะเริ่มก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงเดือนมิถุนายน 2561 นี้ ซึ่งจะสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจในปี 2561 เป็นปีที่ดีของ PYLON เนื่องจากเริ่มทยอยรับรู้งานก่อสร้างของภาครัฐ โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่เลื่อนมาจากปี 2560 ปัจจุบัน PYLON มีงานในมือประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 85% นอกจากนี้ภาครัฐกำลังจะเปิดประมูลโครงการทางด่วน 2 สาย ส่วนต่อขยายสายสีส้มและสีม่วง รถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการเอกชนจำนวนมากจะหนุนรายได้ของ PYLON ในอนาคตให้เติบโตแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ บริษัทยังเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีงานที่รอประมูลกับภาคเอกชนประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดหวังได้งาน 20-25% ส่วนงานโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของภาครัฐ อาทิเช่น งานโครงการรถไฟทางคู่เฟสที่ 2 , รถไฟฟ้าสีม่วงใต้ส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีส้มและสีน้ำเงิน ก็ใกล้จะเปิดประมูล โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนงานภาครัฐ 30% ส่วนงานภาคเอกชนอยู่ที่ 70%
ข้อมูลบริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างงานฐานรากงาน แบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก ดังนี้ คือ
1. งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile) เสาเข็มเจาะเป็นเสาเข็มที่นิยมใช้กับการก่อสร้างฐานรากของโครงสร้างขนาดใหญ่ และโครงสร้างอาคาร ในบริเวณที่มี พื้นที่จำกัด นอกจากนี้เสาเข็มเจาะยังลดมลภาวะเรื่องเสียงและแรงสั่นสะเทือนเมื่อเทียบกับ การใช้เสาเข็มตอก การก่อสร้างเสาเข็ม เจาะนั้นสามารถปรับ เปลี่ยนขนาดได้ จากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 50 เซนติเมตร จนถึงมากกว่า 1 เมตรขึ้นไป และทำได้ถึงความลึกมากกว่า 60 เมตร ขึ้นอยู่กับการออกแบบกำลังรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยวิศวกร และสภาพชั้นดินใน แต่ละพื้นที่
2. งานปรับปรุงคุณภาพ ดิน (Ground Improvement) มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับโครงสร้างของดินเดิม ทำให้ดินมีกำลังรับ น้ำหนักมากขึ้นและ ป้องกันการเคลื่อน ตัวของดิน โดยบริษัทมีการให้บริการงานประเภทนี้โดยวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง (Jet Grouting) ที่ความดันประมาณ 200 ถึง 400 บาร์
และ 3.งานก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม (Diaphragm Wall) กำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรมเป็นการก่อสร้างกำแพงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็น โครงสร้างรับ น้ำหนักและป้องกัน การเคลื่อนตัวของ ดินทางด้านข้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเป็นโครงสร้างของชั้นจอดรถใต้ดิน กำแพงอาคารผู้ โดยสารสำหรับระบบ รถไฟฟ้าใต้ดิน และอุโมงค์ลอดทางแยก เป็นต้น