ปตท.เผยการฟื้นฟูแนวท่อก๊าซฯพม่าได้ผลดี เริ่มใช้ก๊าซฯTake or Pay แล้ว

อังคาร ๑๒ มิถุนายน ๒๐๐๑ ๑๑:๒๔
กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--ปตท.
นายส่งเกียรติ ทานสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เปิดเผยถึงการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการท่อส่งก๊าซฯไทย-พม่า ที่เริ่มมาตั้งแต่ ปี 2541 ว่า ประกอบด้วย
1. การฟื้นฟู เขตก่อสร้างท่อก๊าซฯ 650 ไร่ ในเขตพื้นที่ป่า 50กม.
2. การปลูกป่าบริเวณใกล้เคียงแนวท่อ 10,000 ไร่ ซึ่ง ทั้ง 2 เรื่องนี้ได้ดำเนินการเสร็จ 100% แล้ว และ
3.การอนุรักษ์พื้นที่ป่าอีก 30,000 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
สำหรับการฟื้นฟู พื้นที่ป่าหลังแนวท่อก๊าซฯกว้างประมาณ 12-20 เมตร คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 650 ไร่นั้น ปตท.ยังคงมีกิจกรรมปลูกซ่อม และบำรุงรักษา เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องและมีการตรวจสอบทุกปี ซึ่งจากการประเมินผลในภาพรวม พบว่าขณะนี้พื้นที่มีพืชคลุมดินงอกงามดี หญ้าแฝกที่ปลูกเป็นกำแพงป้องกันการชะล้างหน้าดินเจริญเติบโตดี ส่วนไม้ยืนต้นที่ปลูกไว้ และไม้ท้องถิ่นที่ขึ้นเองก็เติบโตดี ทำให้พื้นที่มีสภาพใกล้เคียงกับสภาพเดิมกว่า 90 % เนื่องจาก ปตท. ได้ใช้เทคนิคทางวิศวกรรมก่อสร้าง ผสมกับวิธีด้านพฤกษศาสตร์ ในการป้องกันการชะล้างการพังทะลายของหน้าดิน และการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ ได้แก่ การทำแนวคันดิน ระบบระบายน้ำ การปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดินเพื่อเสริมธาตุอาหาร การเสริมไม้ปักชำ และปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างหน้าดิน จากนั้นจึงเริ่มปลูกกล้าไม้ยืนต้น ห่างจากจุดกึ่งกลางของแนวท่อก๊าซฯข้างละ 3 เมตร และนำไม้ที่ล้อมย้ายออกไประหว่างงานก่อสร้าง เข้ามาปลูกเสริมด้วย
นายส่งเกียรติ กล่าวด้วยว่า ปตท.และผู้เชี่ยวชาญได้เดินตรวจสอบการพังทะลายของดินตลอดแนวทุกปี ตั้งแต่ปี 2542 และได้ดำเนินการซ่อมแซมทุกปี และจากการตรวจสอบล่าสุดเมื่อต้นปี 2544 นี้ พบว่าการพังทะลายของดินมีน้อยลงเหลือเพียงไม่กี่จุด ซึ่งขณะนี้ได้ซ่อมแซมแล้ว และจากการประเมินผลที่ผ่านมาพบว่า หญ้าแฝกซึ่งได้ปลูกและปลูกซ่อมไปแล้วกว่า 2 ล้านต้น ได้ช่วยยึดหน้าดินไม่ให้เกิดการพังทะลายได้อย่างดี ทำให้คันดินมีสภาพเป็นคันดินถาวรตามธรรมชาติ
สำหรับการปลูกป่าบริเวณใกล้เคียงแนวท่อก๊าซฯ 10,000 ไร่ นั้น ปตท.มีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูระบบนิเวศน์ให้มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าที่เคยเป็นอยู่ พร้อมกับรณรงค์ให้ราษฎรบริเวณแนวท่อส่งก๊าซฯเห็นความสำคัญของป่าไม้ รวมทั้งมีส่วนร่วมดูแลรักษาและอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืนต่อไป โดย ปตท.ได้ร่วมกับราษฏรในเขตอำเภอไทรโยค และทองผาภูมิ ปลูกป่าใน 17 แปลง รวมพื้นที่ 10,000 ไร่ ตั้งแต่ปลายปี 2541 และจะดูแลรักษา (ดายวัชพืช /ปลูกซ่อม/ซ่อมแนวกันไฟและทางตรวจการ ฯลฯ)ต่อเนื่องอีกเป็นเวลา 5ปี ซึ่งจากการประเมินผลการปลูกป่า พบว่า มีอัตราเติบโต และอัตรารอดตาย เฉลี่ย 76 %-85%
ส่วนโครงการอนุรักษ์พื้นที่ป่า 30,000 ไร่ รอบชุมชน 8 หมู่บ้านในเขตป่าสงวนห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ นั้น มิได้เป็นการปลูกป่า แต่จะอนุรักษ์พื้นที่ป่าที่ยังมีสภาพดีอยู่ เพื่อ เชื่อมต่อผืนป่าตะวันตกให้เป็นป่าสมบูรณ์ผืนเดียวกัน โดยใช้หลักการสร้างองค์ความรู้ทางระบบนิเวศน์ในพื้นที่ป่า ทั้ง 30,000ไร่ ให้ชุมชนเข้าร่วมอนุรักษ์บนพื้นฐานของการเรียนรู้ร่วมกัน นำไปสู่การใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการด้านข้อมูลเศรษฐกิจชุมชนรอบพื้นที่แล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการหารือจัดทำแผนดำเนินงาน กับผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน นายส่งเกียรติ ได้ชี้แจงถึงการใช้ประโยชน์จากท่อส่งก๊าซฯไทย-พม่า ด้วยว่า ขณะนี้สามารถขนส่งก๊าซฯจากพม่ามาใช้ได้ ประมาณ 700 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน โดยนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงใน โรงไฟฟ้าราชบุรี และโรงไฟฟ้าของเอกชน(TECO) จ.ราชบุรี โรงไฟฟ้าวังน้อย จ.อยุธยา สามารถทดแทนการใช้น้ำมันเตาได้จำนวน 15.3 ล้านลิตร ช่วยประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 14,700 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากก๊าซธรรมชาติ ที่แม้จะปรับราคาขึ้นตามสัญญาแล้ว ก็ยังมีราคาถูกกว่าน้ำมันเตาเฉลี่ยประมาณ 20%
สำหรับก๊าซฯพม่าส่วนที่ ปตท. จ่ายเงินซื้อไปก่อน โดยที่ยังไม่ได้นำมาใช้นั้น (Take or Pay) ไม่ใช่ค่าปรับ เพราะว่า ปตท. สามารถนำก๊าซฯจำนวนนี้มาใช้ได้เมื่อประเทศมีความต้องการโดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าก๊าซฯอีก และถ้าหากราคาน้ำมันเตาในอนาคตทรงตัวอยู่ในระดับที่สูงเช่นในปัจจุบัน ประเทศจะได้รับประโยชน์จากการใช้ก๊าซฯส่วนนี้อันเป็นผลมาจากส่วนต่างราคา เพราะว่า ก๊าซฯที่รับซื้อไว้ล่วงหน้านี้มีราคาต่ำ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยจากการจ่ายเงินซื้อล่วงหน้าได้ ทั้งนี้ ปตท. ได้จ่ายเงินค่าก๊าซฯล่วงหน้าของปี 2541-2542 ไปแล้วเป็นจำนวนประมาณ 327 ล้านเหรียญสรอ. ส่วนปี 2543 ยังไม่ได้จ่าย(แหล่งยาดานา 317 และเยตากุน 81 ล้านเหรียญสรอ.)เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการเจรจาหาแนวทางเร่งรับก๊าซฯมาใช้ให้หมดโดยเร็ว ซึ่งตั้งแต่เดือน เมษายน ที่ผ่านมา ปตท.ได้เริ่มทยอยนำก๊าซฯ Take or Pay มาใช้บ้างแล้ว--จบ--
-สส-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๑ พ.ค. เฮลท์สเคป (Healthscape)' นำร่องส่ง 'MADE BY SILVER' ชวนสัมผัสผลิตภัณฑ์เพื่อไลฟ์สไตล์สำหรับกลุ่มซิลเวอร์เจน 20 พ.ค. - 2 มิ.ย. 67 ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็ม
๒๑ พ.ค. HENG เสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 จำนวน 2 ชุด อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.25% และ 5.50% เปิดจองซื้อ 23-24 และ 27 พ.ค. 67 เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจ
๒๑ พ.ค. กลุ่มบริษัทศรีตรัง ลุยติดตั้ง EV Charger ในโรงงานทั่วประเทศ สนับสนุนพนักงานใช้พลังงานสะอาด ร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอกย้ำจุดยืน Green Rubber
๒๑ พ.ค. Bitkub Chain และ The Sandbox ร่วมยกระดับวงการ Metaverse ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
๒๑ พ.ค. AJA โชว์แกร่ง!! งบโค้งแรกพลิกมีกำไรพุ่งเกือบ 452% ชูกลยุทธ์ปี 67 กระจายลงทุนในธุรกิจหลากหลาย-สร้างฐานการเติบโตยั่งยืน
๒๑ พ.ค. KJL โชว์นวัตกรรมในงาน SUBCON Thailand 2024 เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า
๒๑ พ.ค. ITEL อวดกำไร Q1/67 โต 113% กำไรสุทธิ 123 ล้านบาท ล่าสุด ก.ล.ต. ไฟเขียวนับหนึ่งไฟลิ่ง บ.ย่อย BLUE เรียบร้อยแล้ว
๒๑ พ.ค. โอยิกะ ผู้นำด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีแบตเตอรี่จากสิงคโปร์ ชูนวัตกรรมพลังงานสะอาด มุ่งขยายธุรกิจตู้สลับแบตเตอรี่สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
๒๑ พ.ค. ดื่มด่ำกับรสชาติของเนื้อโกเบจากโอซาก้า ที่ห้องอาหารฮากิ เซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
๒๑ พ.ค. W9 เผยไทยเผชิญฝุ่นพิษล้อมเมืองติดอันดับโลก เปิด 5 กลุ่มเสี่ยงรับฝุ่นพิษ ภัยเงียบสะสม แนะวิธีรับมือเชิงเวลเนส