แสนสิริสรุปภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ช่วงเดือน เม.ย-ก.ย 2544

พุธ ๑๙ ธันวาคม ๒๐๐๑ ๑๖:๒๖
กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--แสนสิริ
ตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานี้ (เม.ย-ก.ย 2544) เริ่มชะลอตัวลง ทั้งๆที่ยังมิได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายนที่สหรัฐโดนโจมตีเท่าใดนัก ความต้องการซื้อหรืออุปสงค์ขยับตัวลดลงเล็กน้อย ในขณะที่อุปทาน และภาวะการก่อสร้างของตลาดยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยและมาตรการต่างๆของภาครัฐยังมิได้ส่งผลบวกอย่างเห็นชัดนักต่อยอดขายบ้านโดยรวม จากจำนวนโครงการที่ทำการสำรวจทั้งหมด 128 โครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ณ ก.ย-44 นั้น พบว่าขายบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ได้รวมกันทั้งสิ้น 639 หน่วย หรือคิดเป็นยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 5 หน่วยต่อโครงการต่อเดือน นับว่าเริ่มลดลงเล็กน้อยเป็นครั้งแรกหลังจากที่ฟื้นตัวมาแล้วถึงสี่ช่วงของเวลาการสำรวจทุกๆหกเดือนตั้งแต่ ก.ย-42 แต่อย่างไรก็ตาม หากดูเป็นรายพื้นที่ พบว่าความต้องการซื้อหรือยอดขายในเขตตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเขตที่มีการแข่งขันต่ำนั้นขยับตัวดีขึ้นอย่างมาก และจากจำนวนหน่วยที่ขายได้ทั้งหมดนั้น นับเป็นบ้านเดี่ยวมากกว่าทาวน์เฮาส์ โดยมีสัดส่วนถึง 73% สำหรับการเคลื่อนไหวด้านอุปทานในช่วงเวลาหกเดือนที่ผ่านมา (เม.ย-ก.ย 2544) นั้น พบว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีโครงการที่ขายหมดและออกจากตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลประมาณ 11 โครงการแล้ว แต่ก็ยังมีโครงการหลักๆเปิดตัวใหม่รวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 10 โครงการ ในขณะเดียวกันก็มีหลายโครงการที่ดำเนินการขายอยู่ได้ขายบ้านจากการพัฒนาในเฟสเดิมหมดลง และได้เริ่มทยอยเอาบ้านในเฟสใหม่ออกมาขาย ทำให้ปริมาณอุปทานนั้นเข้าสู่ตลาดอีก ดังนั้นจำนวนบ้านเหลือขายเฉลี่ยจึงขยับเพิ่มขึ้นเป็น 86 หน่วยต่อโครงการ ส่วนภาวะการก่อสร้างในเดือน ก.ย-44 นี้ ก็ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความนิยมในการซื้อบ้านพร้อมอยู่ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยจาก 22 หน่วยต่อโครงการในเดือน มี.ค-4 เป็น 23 หน่วยต่อโครงการ
แนวโน้ม
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายนนั้นยังมิได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดบ้านที่ผ่านมาเท่าใดนัก แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือน หลายโครงการเริ่มมียอดขายที่ลดลง เนื่องจากความไม่มั่นใจในสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ภายในต้นปี 2545 คาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะส่งผลเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น โดยภาคการลงทุน และการใช้สอยของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่ลดลงอีก ในขณะที่อัตราการว่างงานจะสูงขึ้น ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดตัวเลขการคาดการณ์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2544 ลงอีก คือจาก 4.0-4.5% ที่คาดไว้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2543 เหลือ 3.0-4.5% และลงอีกเหลือเพียง 1.3-1.8% ในปัจจุบัน และจากการคาดการณ์ของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม อัตราการว่างงานภายในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด หรือจะมีคนว่างงานรวมกันทั้งสิ้น 1.3 ล้านคน ถึงแม้รัฐบาลจะพยายามออกมาตรการต่างๆเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้ก็คาดว่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากปัญหาใหญ่คือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่จะทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นยอดขายเฉลี่ยต่อโครงการคาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ลดลง และการแข่งขันในปีหน้าจะต้องสูงขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมมากกว่าจะได้เปรียบ
อุปทาน - จำนวนบ้านเหลือขายในตลาด
(ตารางที่ 1) ในช่วงเวลาหกเดือนที่ผ่านมา (เม.ย-ก.ย 2544) อุปทาน หรือปริมาณที่อยู่อาศัยที่ขายอยู่ในตลาดนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ในจังหวัดปทุมธานียังคงเป็นสองพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงสุด ในช่วงเวลาหกเดือนนี้ พบโครงการเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 โครงการ โดยวางแผนว่าจะผลิตบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ออกสู่ตลาดจำนวนรวมกันทั้งสิ้นมากกว่า 1,100 หน่วย ซึ่งนับว่ามากกว่าในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาที่มีโครงการหลักๆเปิดตัวใหม่เพียงประมาณ 6 โครงการ โครงการใหม่เหล่านี้ได้มุ่งพัฒนาในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครมากกว่าในจังหวัดปริมณฑล โดยที่พื้นที่ทางตอนเหนือมีเปิดใหม่สองโครงการ คือบ้านอารียา ลาดพร้าว 71 บ้านรัชดา ลาดพร้าว 80 พื้นที่ทางตะวันออกมีเปิดใหม่อีก 2 โครงการเช่นกัน ได้แก่ มัณฑนา พระราม 9-วงแหวน ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรีสายใหม่ และนันทวัน สุขุมวิท ถนนอ่อนนุช 44 ส่วนพื้นที่ทางตะวันตกมีเปิด 1 โครงการ เป็นโครงการที่ได้หยุดการขายไปแล้วระยะหนึ่ง คือบ้านสวนพุทธมณฑล ถนนพุทธมณฑลสาย 1 สำหรับพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีการแข่งสูงอยู่แล้วก็มีโครงการเปิดตัวเพิ่มอีกถึง 3 โครงการ ได้แก่ บ้านรามอินทรา ถนนพระยาสุเรนทร์ และเคซี พาร์ควิลล์ บนถนนคลองสามวา เพอร์เฟคเพลส เลคไซด์ ถนนรามคำแหง ส่วนพื้นที่ในกลุ่มจังหวัดปริมณฑลนั้น ปทุมธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีที่อยู่อาศัยหนาแน่นมากที่สุด เป็นจังหวัดเดียวที่ยังคงมีโครงการหลักเปิดตัวใหม่อีก ได้แก่ บ้านฟ้ากรีนพาร์ค บนถนนรังสิต-คลองสอง ซึ่งเป็นโครงการที่ถูกซื้อมาพัฒนาใหม่จากโครงการเก่า และโครงการมณียาเลคลากูน ถนนรังสิต-ปทุมธานี
ในขณะที่มีโครงการเปิดตัวใหม่สู่ตลาด ก็พบว่ามีโครงการเก่าที่จบการขายทั้งสิ้นประมาณ 11 โครงการ ซึ่งรวมถึง บ้านกลางเมือง ลาดพร้าว ซึ่งเป็นโครงการทาวน์เฮาส์ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีจำนวนหลังทั้งหมด 114 หน่วย ในขณะเดียวกันก็มีโครงการที่เตรียมตัวจะจบการขายอีกประมาณ 4 โครงการ
(ตารางที่ 2) จากโครงการที่ทำการสำรวจทั้งหมดจำนวน 128 โครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าบ้านเดี่ยวเป็นรูปแบบที่มีความนิยมในการพัฒนาจากผู้ประกอบการหลักๆ มากกว่าทาวน์เฮาส์ โดยมีโครงการที่เสนอขายบ้านเดี่ยวทั้หมด 111 โครงการ ในขณะที่มีโครงการเสนอขายทาวน์เฮาส์เพียง 44 โครงการ นอกจากนี้ โครงการที่เปิดตัวใหม่ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา (เม.ย-ก.ย 2544) ก็มุ่งการพัฒนาไปที่บ้านเดี่ยวทั้งหมด
(ตารางที่ 3) ประมาณการว่าจาก 128 โครงการในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ยังมีบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เหลือขายทั้งหมด 11,047 หน่วย คิดเป็นจำนวนบ้านเหลือขายเฉลี่ยที่ 86 หน่วยต่อโครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 78 ในระยะหกเดือนก่อนหน้านี้ ที่ผ่านมานับว่ามีหลายโครงการที่ขายบ้านในเฟสเก่าหมด และปัจจุบันได้นำเอาบ้านที่วางแผนไว้ในเฟสใหม่ออกมาขายเพิ่มขึ้น บ้านที่อยู่ระหว่างการขายส่วนใหญ่นี้ยังคงกระจายอยู่ในพื้นที่ปริมณฑล ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 6,274 หน่วย โดยที่จังหวัดปทุมธานียังคงเป็นพื้นที่ที่มีบ้านอยู่ระหว่างการขายหนาแน่นที่สุด (2,751 หน่วย) นอกจากนี้ บ้านเดี่ยวก็ยังคงเป็นที่นิยมในการพัฒนามากกว่าทาวน์เฮาส์ (8,838 หน่วย) และทาวน์เฮาส์ก็ยังคงมีการขายในพื้นที่เขตปริมณฑลมากกว่าในกรุงเทพฯ
นอกจาก 11,047 หน่วยที่อยู่ระหว่างการขายนี้ 33 จาก 128 โครงการที่ทำการสำรวจยังมีที่ดินเหลือเพื่อการพัฒนาในอนาคตอีก โดยประมาณการว่ามีบ้านในแผนทั้งหมดอีก 4,600 หน่วยที่เตรียมจะเปิดขายทันทีที่การขายบ้านในเฟสเดิมใกล้หมด
(ตารางที่ 4) การซื้อบ้านพร้อมอยู่นับว่าได้รับความนิยมในตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีจำนวนโครงการที่เสนอขายบ้านพร้อมอยู่ทั้งสิ้น 50 โครงการ จาก 128 โครงการที่ทำการสำรวจในเดือน ก.ย-44 และจากจำนวนบ้านเหลือขายทั้งหมด 11,047 หน่วย นับเป็นบ้านที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ทั้งสิ้น 369 หน่วย หรือคิดเป็นการขายบ้านพร้อมอยู่เฉลี่ยทั้งสิ้น 7 หน่วยต่อโครงการ ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 6 หน่วยต่อโครงการในการสำรวจในเดือน มี.ค-44 และจาก 5 หน่วยในเดือน ก.ย-43
อุปสงค์ - ปริมาณความต้องการที่อยู่อาศัย
(ตารางที่ 5) ความต้องการที่อยู่อาศัยในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา (เม.ย-ก.ย 2544) เริ่มเติบโตในอัตราที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จากจำนวนโครงการที่ทำการสำรวจทั้งหมด 128 โครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายในเดือน ก.ย-44 ประมาณว่าขายบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์รวมกันได้ทั้งสิ้น 639 หน่วย คิดเป็นยอดขายเฉลี่ยที่ 5 หน่วย ต่อโครงการต่อเดือน ลดลงจากยอดขายเฉลี่ยที่ 6 หน่วย ณ หกเดือนก่อนหน้านี้ (มี.ค-44) ซึ่งนับว่าเป็นการลดลงครั้งแรกหลังจากที่ตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันถึงสี่ช่วงการสำรวจทุกๆหกเดือน ตั้งแต่เฉลี่ย 3 หน่วยต่อโครงการต่อเดือนใน ก.ย-42
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละพื้นที่ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น หรือลดลงต่างกัน พื้นที่ทางตะวันออกของกรุงเทพมหานครนั้นเป็นพื้นที่ที่พบว่าความต้องการซื้อมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันต่ำ ในขณะที่มีโครงการคุณภาพเปิดตัวใหม่มากระตุ้นความต้องการซื้อของตลาดได้เป็นอย่างดีถึงสองโครงการ ทำให้ยอดขายเฉลี่ยของเขตนี้เพิ่มขึ้นจากเพียง 5 หน่วยต่อโครงการต่อเดือนใน มี.ค-44 เป็น 16 หน่วยใน ก.ย-44 ซึ่งมากกว่ายอดขายเฉลี่ยที่พื้นที่อื่นๆทำได้ที่ช่วงระหว่าง 3-7 หน่วยต่อโครงการต่อเดือน ในจำนวนพื้นที่ทั้งหมดในเขตกรุงเทพมหานครนั้น พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือยังคงเป็นพื้นที่ที่ขายบ้านได้เป็นจำนวนมากที่สุด คือ 110 หน่วยต่อเดือน จากจำนวนที่ขายได้ทั้งหมด 334 หน่วยในเขตกรุงเทพฯ และทั้งๆที่มีโครงการเปิดตัวใหม่ในพื้นที่นี้ถึงสามโครงการ ตัวเลขยอดขายเฉลี่ยต่อโครงการต่อเดือนก็สามารถทรงตัวอยู่ได้ที่ 4 หน่วย สำหรับเขตพื้นที่ชั้นใน คือทางตอนเหนือที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองมากที่สุด ก็ยังมีความต้องการซื้อบ้านอยู่มาก โครงการเปิดตัวใหม่ในพื้นที่นี้ทั้งสองโครงการสามารถทำยอดขายได้อย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยหลักที่มีส่วนช่วยคือโครงการถนนตัดใหม่สองโครงการ ได้แก่ ถนนเกษตร-สุขาภิบาล 1 และ ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ซึ่งเห็นได้ว่าในระยะหนึ่งปีที่ผ่านมา พื้นที่ในบริเวณเชื่อมต่อของถนนทั้งสองโครงการนี้จะเป็นที่นิยมสำหรับผู้ประกอบการ ส่วนพื้นที่ในเขตปริมณฑลนั้น ปทุมธานียังคงเป็นจังหวัดที่มียอดขายสูงสุด ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 162 หน่วยต่อเดือน ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในจำนวนพื้นที่ทั้งหมดในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ถึงแม้ว่าตัวเลขยอดขายเฉลี่ยต่อโครงการจะลดลงอย่างมากจาก 12 หน่วยต่อโครงการ ณ มี.ค-44 ลงเหลือเพียง 6 ในก.ย-44
(ตารางที่ 6) จากยอดขายรวมทั้งหมด 639 หน่วยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าความต้องการบ้านเดี่ยวมีปริมาณมากกว่าทาวน์เฮาส์ โดยสามารถขายบ้านเดี่ยวได้ทั้งสิ้น 472 หน่วย แต่ทาวน์เฮาส์จะขายได้ในพื้นที่จังหวัดปริมณฑลมากกว่าในกรุงเทพมหานคร
(ตารางที่ 7) ถึงแม้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยโดยรวมจะลดลง แต่จากการศึกษาความเคลื่อนไหวด้านยอดขายของแต่ละโครงการ พบว่าสัดส่วนโครงการที่ขายไม่ได้เลย คือ 0 หน่วยต่อเดือนนั้นลดลงจาก 11% ของจำนวนโครงการที่สำรวจในเดือน มี.ค-44 เหลือ 8% ในเดือน ก.ย-44 เนื่องจากโครงการที่เดิมค่อนข้างเงียบจากปัญหาด้านเงินทุน ได้ทยอยแก้ปัญหา และเริ่มใช้กลยุทธ์บ้านพร้อมอยู่เพื่อสร้างความต้องการซื้อได้ แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนโครงการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก (คือมียอดขายเฉลี่ยมากกว่า 20 หน่วยต่อโครงการต่อเดือนขึ้นไปนั้น) ก็มีสัดส่วนที่ลดลงจากเดือนมี.ค-44 เช่นกัน โดยลดลงเหลือ 4% อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่โครงการส่วนใหญ่ทำได้นั้นยังคงตกอยู่ในกลุ่มที่ขายได้เฉลี่ย 1-4 หน่วยต่อโครงการต่อเดือน คิดเป็น 56% ซึ่งเพิ่มขึ้น 2% นอกจากนี้ จากโครงการที่ทำการสำรวจทั้งสิ้น 128 โครงการ พบว่าประมาณครึ่งหนึ่ง หรือ 53% รายงานว่าทำยอดขายได้ลดลงเมื่อเทียบกับยอดขายเฉลี่ยที่ทำได้ในช่วง มี.ค-44
ภาวะการก่อสร้าง
(ตารางที่ 8) ในขณะที่ยอดขายบ้านโดยรวมในเดือน ก.ย-44 ลดลง แต่ภาวะการก่อสร้างก็ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สืบเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของความนิยมในการซื้อบ้านพร้อมอยู่ จาก 128 โครงการที่ทำการสำรวจในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในเดือน ก.ย-44 พบว่ามีบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างทั้งหมดเกือบ 3,000 หน่วย คิดเป็นจำนวนบ้านกำลังก่อสร้างเฉลี่ยที่ 23 หน่วยต่อโครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากยอดเฉลี่ยที่ 22 หน่วยในหกเดือนที่แล้ว (มี.ค-44)
(ตารางที่ 9) ในจำนวนบ้านที่กำลังก่อสร้างทั้งหมดนั้น บ้านเดี่ยวยังคงมีมากกว่าทาวน์เฮาส์ ด้วยสัดส่วน 69% หรือ 2,068 หน่วย พื้นที่ทางตะวันออก และทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีการก่อสร้างมากที่สุด ตามสัดส่วนยอดขายที่ทำได้มากที่สุด โดยจำนวนบ้านที่กำลังก่อสร้างของทั้งสองเขตนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 43 และ 41 หน่วยต่อโครงการ ตามลำดับ ซึ่งมากกว่าเขตอื่นๆ ที่มียอดก่อสร้างเฉลี่ยอยู่ที่ 12-31 หน่วย
สำหรับโครงการที่มียอดบ้านก่อสร้างมากที่สุด พบในเขตจังหวัดปทุมธานี โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 256 หน่วย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการก่อสร้างทาวน์เฮาส์ถึง 210 หน่วย ซึ่งนับว่าน้อยกว่ายอดสูงสุดของเดือน มี.ค-44 ที่มีถึง 336 หน่วย ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวนั้น ยอดก่อสร้างสูงสุดพบในพื้นที่ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 93 หน่วย
ราคาบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตารางวา
(ตารางที่ 10) ราคาบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตารางวาที่พบต่ำที่สุดจากโครงการที่ทำการสำรวจในเดือน ก.ย-44 นั้น อยู่ที่ 1.39 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากเดือน มี.ค-44 ที่อยู่ที่ 1.69 ล้านบาท โดยเป็นบ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเทพฯ ทั้งสองช่วงเวลา อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้ว ความต้องการซื้อที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมามีผลทำให้ราคาบ้านที่เสนอขายต่ำสุดในหลายๆพื้นที่ได้ขยับตัวสูงขึ้น โดยมีการพัฒนาให้มีคุณภาพมากขึ้นและมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นด้วย สำหรับพื้นที่ที่พบบ้านขนาด 50 ตารางวาสูงที่สุดจะอยู่ทางตอนเหนือ ตะวันตก และทางตอนใต้ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันน้อย โดยราคาต่ำสุดที่เสนอขายนั้นสูงกว่า 3.0 ล้านบาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าบ้านขนาดเดียวกันที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดปริมณฑล ที่มีราคาอยู่ในช่วง 1.48-1.95 ล้านบาท
จากการศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาบ้านในสองช่วงเวลาเปรียบเทียบ คือระหว่าง มี.ค-44 และ ก.ย-44 พบว่าโครงการโดยส่วนใหญ่ (20 จากทั้งหมด 45 โครงการที่มีข้อมูลสามารถเปรียบเทียบได้) นั้นเสนอขายบ้าน ณ เดือน ก.ย-44 ในราคาที่สูงขึ้นจากเดือน มี.ค-44 สำหรับบ้านขนาดเดียวกัน (เช่น บ้าน 70 ตารางวาเหมือนกันทั้งสองช่วงเวลา) ในขณะที่อีก 16 โครงการรายงานว่าราคาคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง และที่เหลืออีก 9 โครงการเสนอราคาที่ลดลง--จบ--
-นห-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง