สพช.เดินหน้ารณรงค์ "ขับ 91 เติม 91" เพิ่มยอดออกเทน 91 อีก 5-10% ประหยัด 1,000 ล้านบาท/ปี

ศุกร์ ๐๒ พฤศจิกายน ๒๐๐๑ ๑๖:๓๙
กรุงเทพฯ--2 พ.ย.--สพช.
สพช. สานต่อโครงการ "ขับ 91 เติม 91" หลังประสบความสำเร็จในปีที่แล้ว ทำให้ผู้ใช้ออกเทน 91 เพิ่มเป็น 55% ตั้งเป้าเพิ่มอีก 5-10% ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการนำเข้าสารเพิ่มค่าออกเทนได้อีก 1,000 ล้านบาท/ปี
นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการรณรงค์ให้ผู้ใช้รถเติมเบนซินออกเทนที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ หรือ "ขับ 91 เติม 91" มาตลอดระยะเวลา 3 ปีนั้น ทำให้สัดส่วนการใช้ออกเทน 91 เพิ่มขึ้นถึง 137 ล้านลิตร หรือ 23% จาก 32% ในปี 2541 เป็น 55% ในปี 2544 สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งส่วนตัวและประเทศชาติได้รวมถึง 2,653 ล้านบาท ผลดังกล่าวชี้ให้เห็นแล้วว่าการรณรงค์ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ ทำให้ผู้ใช้รถมีพฤติกรรมที่หันมาใช้น้ำมันที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองแล้วยังทำให้เศรษฐกิจของชาติดีขึ้นเพราะลดการนำเข้าสารเพิ่มค่าออกเทนอีกด้วย
อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีผู้ใช้รถบางส่วนที่เติมเบนซินออกเทน 91 ได้ แต่ไม่เติม อีกจำนวนประมาณ 12% ดังนั้นเพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้รถดังกล่าวหันมาเติมเบนซินออกเทน 91 รัฐบาลจึงได้สานต่อ โครงการ "ขับ 91 เติม 91" ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้ออกเทน 91 ขึ้นอีก 5-10% คิดเป็นเงินที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสารออกเทนได้ 1,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งสัดส่วนของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศที่สามารถใช้ออกเทน 91 มีอยู่ ประมาณ 67% คิดเป็น 398 ล้านลิตร แต่ปัจจุบันมีผู้เติมออกเทน 91 เพียง 327 ล้านลิตร คิดเป็น 55% การรณรงค์ได้มุ่งเน้นให้ ผู้ใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทั้งส่วนบุคคล รถรับจ้าง และรถของหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ที่สามารถเติมออกเทน 91 ได้ แต่ยังไม่เติม หันมาเติมน้ำมันเบนซินออกเทน 91 ทันที โดยออกรณรงค์ในสถานีบริการน้ำมัน อู่บริการซ่อมบำรุงรถ องค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ระยะเวลารณรงค์ 1 ปี ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2544 - พฤศจิกายน 2545
นายเมตตา บันเทิงสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(สพช.) กล่าวยืนยันว่า รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่สามารถเติมออกเทน 91 ได้ ก็ควรเติม เพราะการเติมออกเทน 91 ในเครื่องยนต์ที่ต้องการออกเทน 91 ไม่ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานของรถด้อยไปกว่าการเติมออกเทน 95 แต่จะช่วยให้ผู้ใช้รถประหยัดรายจ่าย และช่วยเศรษฐกิจชาติด้วย และเพื่อให้ผู้ใช้รถที่สามารถเติมเบนซินออกเทน 91 ได้แต่ยังไม่เติม ได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกิดความมั่นใจ ตลอดจนเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรม ด้วยการหันมาเติมเบนซินออกเทน 91 สพช. จึงได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ คือ จัดให้มีการทดสอบ Performance Test การทดสอบ Blind Test การจัดสัมมาผู้นำความคิดด้านยานยนต์ การรณรงค์ในองค์กรรัฐ-รัฐวิสาหกิจ อู่ซ่อมรถ สถานีบริการน้ำมัน และวินมอเตอร์ไซด์ นอกจากนี้ยังได้จัดทำภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ สิ่งพิมพ์ประชาสัมพันธ์ สื่อเคลื่อนที่ (รถตุ๊ก ตุ๊ก) และสปอตวิทยุ การทดสอบ Performance Test ซึ่งได้ทำการทดสอบที่ห้องทดสอบของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยนำเครื่องยนต์ที่เติมออกเทน 91 ไปทดสอบด้วยการเติมออกเทน 91 และออกเทน 95 ที่ตำแหน่งคันเร่งและความเร็วรอบเดียวกัน ผลปรากฏว่า น้ำมันออกเทน 95 ไม่ได้ช่วยให้กำลังของเครื่องยนต์แรงขึ้นแต่อย่างใด
การทดสอบ Blind Test เป็นการทดสอบเพื่อยืนยันในเรื่องการอุปทานของผู้ขับขี่รถ ด้วยการทดสอบรถที่สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พัทยา จ.ชลบุรี และให้ผู้ทดสอบขับขี่รถไปในสนามคนละ 3 รอบ ซึ่งแต่ละรอบผู้ทดสอบจะไม่รู้เลยว่าเจ้าหน้าที่เติมค่าออกเทน91 หรือ ออกเทน 95 เมื่อทดสอบจนครบแล้ว ผลปรากฏว่า ผู้ที่ทดสอบส่วนใหญ่ตอบไม่ตรงกับชนิดของออกเทนที่ใช้ทดสอบ แสดงให้เห็นว่าการเติมออกเทน 95 แล้วรู้สึกว่ารถแรงขึ้นเป็นเพียงอุปทานเท่านั้น
การจัดสัมมนาผู้นำความคิดด้านยานยนต์ มี 3 กลุ่มคือ กลุ่มช่าง กลุ่มผู้สื่อข่าวรถยนต์ และกลุ่มผู้สื่อข่าวรถจักรยานยนต์ และยังได้จัดกิจกรรมรณรงค์ในองค์กรรัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน 20 แห่ง อู่ซ่อมรถ ในกรุงเทพและต่างจังหวัด 300 อู่ สถานีบริการน้ำมัน ในกรุงเทพและต่างจังหวัด 250 แห่ง และวินมอเตอร์ไซด์ ในเขตกรุงเทพฯ 500 วิน ส่วนภาพยนตร์ประชาสัมพันธ์ 3 เรื่อง ออกอากาศเดือน พ.ย. 44 - เดือน ม.ค. 45 สิ่งพิมพ์ประชาสัมพันธ์ ขนาดครึ่งหน้า ขาว-ดำ เผยแพร่ เดือน พ.ย. 44 - ม.ค. 45 สื่อเคลื่อนที่ (ตุ๊ก ตุ๊ก) ขนาด 50x75 เซนติเมตร เผยแพร่ เดือน พ.ย. 44 - ก.พ.45 และปอตวิทยุ ความยาว 30 วินาที 1 เรื่อง ออกอากาศเดือน พ.ย.44 - ม.ค.45
"สำหรับการรณรงค์การใช้เบนซินออกเทน 91 ของภาครัฐ สพช. ได้ขอความร่วมมือกับกรมบัญชีกลาง และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์การใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 91 ของภาครัฐ ซึ่งรถยนต์ของราชการใช้น้ำมันผิดชนิด เช่นเดียวกับของเอกชน ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล รัฐบาลก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันได้ลิตรละ 1 บาท นอกจากนี้ ผู้บริหารหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ น่าจะจัดให้มีการตรวจสอบวิธีปฏิบัติการใช้น้ำมันภายในหน่วยงานของตนเอง ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในองค์กรได้ โดยสามารถตรวจสอบประเภทน้ำมันที่ใช้ได้จากใบเสร็จรับเงินของหน่วยงานนั้นๆ" รองเลขาธิการ กล่าวในตอนท้าย
ศูนย์ประชาสัมพันธ์รวมพลังหาร 2 โทรศัพท์ 612-1555 ต่อ 201-5 โทรสาร 612-1368
121/1-2 ถ.เพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 www.nepo.go.th-- จบ--
-นห-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐:๕๙ ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ให้การต้อนรับอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม
๒๐:๓๑ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
๒๐:๕๒ Vertiv เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ไมโครโมดูลาร์รุ่นใหม่ที่มี AI ในเอเชีย
๒๐:๐๙ พิธีขึ้นเสาเอก เปิดไซต์ก่อสร้าง โครงการ แนชเชอแรล ภูเก็ต ไพรเวท พูลวิลล่า บ้านเดี่ยวบนทำเลทองใจกลางย่านเชิงทะเล
๒๐:๔๖ เขตบางพลัดประสาน รฟท.-กทพ. ปรับภูมิทัศน์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวหน้าสถานีรถไฟบางบำหรุ
๒๐:๕๘ ร่วมแสดงความยินดีแก่อธิบดีกรมยุโรป ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์
๒๐:๐๓ กทม. เดินหน้าจัดกิจกรรมริมคลองโอ่งอ่าง ส่งเสริมอัตลักษณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว
๒๐:๔๙ พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พาคุณไปสัมผัสการนวดเพื่อสุขภาพจาก 4 ภูมิภาคของไทย
๒๐:๒๔ Digital CEO รุ่นที่ 7 เรียนรู้เข้มข้นต่อเนื่อง จากวิทยากรชั้นนำของวงการ
๒๐:๒๔ เด็กไทย คว้ารางวัลระดับโลก โดรนไทย ชนะเลิศนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางด้านอากาศยานไร้คนขับ UAV ณ กรุงเจนีวา