รองผู้ว่าฯ ประพันธ์ มอบประกาศเกียรติคุณแก่อาสาสมัครสาธารณสุขและหน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านเอดส์

กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--กทม.
ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย | ญี่ปุ่น) ดินแดง นพ.ประพันธ์ กิติสิน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่อาสาสมัครสาธารณสุขและหน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านเเอดส์ โดยมีนพ.กฤษณ์ หิรัญรัศ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวรายงานในพิธีเปิดว่า วันที่ 1 ธ.ค. ของทุกปี องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้เป็นวันเอดส์โลก เพื่อให้ประเทศต่างๆร่วมมือในการรณรงค์ป้องกันควบคุมและแก้ไขปัญหาเอดส์ ในปีนี้ UNAIDS ได้กำหนดคำขวัญปี 2544 ว่า “I Care …Do You ?” ในความหมายว่า “เอดส์ลดแน่ ถ้าคุณร่วมมือแก้ไข” เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนได้ตระหนักว่าการป้องกัน ควบคุมและแก้ไขปัญหาเอดส์จะประสบผลสำเร็จหรือไม่เพียงใดนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในสังคม เพราะปัญหาเอดส์ ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง สำนักอนามัย เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้เห็นความสำคัญในการที่จะรณรงค์สร้างกระแสสังคมให้กลุ่มเป้าหมายได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้จัดทำโครงการรณรงค์รวมใจต้านภัยเอดส์ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์บริการสาธารณสุข 61 แห่ง สำนักงานเขต 50 เขต โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร สำนักพัฒนาชุมชน สำนักการศึกษา สำนักสวัสดิการสังคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเอดส์
ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุน โดยสำนักอนามัยเป็นแกนนำในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมจัดกิจกรรมในวันนี้ สำหรับกิจกรรมรณรงค์วันเอดส์โลก ประจำปี 2544 มีดังนี้ กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมรณรงค์รวมใจต้านภัยเอดส์ในชุมชน โดยจัดเตรียมและสนับสนุน สื่อ เอกสาร แผ่นพับ โปสเตอร์ ถุงยางอนามัย วิดีทัศน์ เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านเอดส์ ในศูนย์บริการสาธารณสุข 61 แห่ง สำนักงานเขต 50 แห่ง โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน กิจกรรมที่ 2 พิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่อาสาสมัครสาธารณสุขด้านเอดส์และหน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านเอดส์ในระดับดีเด่นและดี จำนวน 214 ราย กิจกรรมที่ 3 การจัดงานเดินรณรงค์เนื่องในวันเอดส์โลก ในวันที่ 1 ธันวาคม 2544 โดยกรุงเทพมหานครร่วมกับสภากาชาดไทย สำนักงานเขต 6 กลุ่มเขต สำนักนายกรัฐมนตรี และภาคเอกชนอื่น ๆ โดยขบวนเดินรณรงค์ของหน่วยงานต่าง ๆ มารวมกัน ณ สวนลุมพินี เวลา 13.00 น. จากนั้นจะร่วมเดินรณรงค์จากสวนลุมพินีไปที่สภากาชาดไทย และร่วมงาน “เทียนส่องใจ” ซึ่งจากภาพรวมของกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของหลาย ๆ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ภาวะโรคเอดส์ในปัจจุบันนั้น ยังเป็นภาวะคุกคามต่อสุขภาพของประชาชนทั่วโลก จากสถิติพบว่าผู้ติดเอดส์ทั่วโลกมีจำนวนหลาย 10 ล้านคน และปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อชีวิต สุขภาพ รวมทั้งความเป็นอยู่ของ ประชาชนทั่วโลก ดังนั้นทางองค์การอนามัยโลกจึงได้รณรงค์ให้วันที่ 1 ธ.ค. ของทุกปีเป็นวันเอดส์โลก ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคเอดส์เป็นอย่างมาก ซึ่งในขณะนี้คาดว่าจะมีผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจำนวนประมาณ 1,000,000 คน ซึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานครประมาณ 100,000 คน โดยส่วนมากจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์มากที่สุด ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะได้รับการ ยกย่องจากนานาประเทศอย่างมากมายในเรื่องของการควบคุมการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์ แต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจตามวัตถุ-ประสงค์ที่วางไว้ คือการทำให้โรคเอดส์หมดไปจากประเทศไทย ในระยะ 2-3 ปีหลังนั้นดูเหมือนว่าสถานการณ์โรคเอดส์จะลดน้อยลง แต่ในขณะเดียวก็ยังไม่สามารถคิดค้นยาหรือวัคซีนที่ใช้รักษาโรคเอดส์ขึ้นมาเพื่อป้องกันและรักษาได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะรณรงค์ลดการติดเชื้อโรคเอดส์ คือประชาชนต้องได้รับรู้ถึงอันตรายของโรคเอดส์ และต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่จะต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ลดภาวะการเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ สำหรับภาวะโรคเอดส์นั้น เป็นภาวะที่สามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติได้ เพราะการติดเชื้อเอดส์ไม่ได้ติดกันง่ายๆ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนว่าภาวะโรคเอดส์เป็นภาวะที่ควบคุมได้ สามารถที่จะป้องกันและสามารถเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ร่วมในสังคมได้ หากผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ได้รับการดูแลและการให้ยารักษาเป็นอย่างดี ก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข โรคเอดส์เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่สามารถจะควบคุมและป้องกันได้ และเป็นที่น่ายินดีว่าได้มีอาสาสมัครสาธารณสุขและหน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านเอดส์ เข้ามาเป็นอาสาสมัครดูแล รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคเอดส์ ซึ่งนับว่ามีประโยชน์เป็นอย่างมาก ตนหวังว่าการรณรงค์เกี่ยวกับโรคเอดส์นี้จะมีการทำอย่างต่อเนื่องและมีการขยายผลให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องของการป้องกัน การดูแลรักษาเพื่อให้ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติในสังคมได้ต่อไป--จบ--
-สส-