“กพช” เห็นชอบ กรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554 และแนวทางในการบริหารกองทุน น้ำมันเชื้อเพลิงหลังปลดภาระหนี้

จันทร์ ๐๑ ตุลาคม ๒๐๐๗ ๑๑:๐๙
กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--กพช.
“กพช” เห็นชอบ กรอบแผนอนุรักษ์พลังงาน ในช่วงปี 2551-2554 และแนวทางในการบริหารกองทุน น้ำมันเชื้อเพลิงหลังปลดภาระหนี้ นอกจากนี้เตรียมออกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการใช้พลังงาน ในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม และกำหนดมาตรฐานเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน 8 รายการ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบกรอบแผนอนุรักษ์พลังงานระยะที่ 3 ในช่วงปี 2551-2554 โดยมีรายละเอียดดังนี้
การเร่งรัดการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535 โดยใช้มาตรการส่งเสริมและจูงใจทั้งด้านการเงิน มาตรการทางด้านภาษี การให้คำแนะนำ และเพิ่มแนวทางใหม่ เพื่อเสริมกับมาตรการที่มีอยู่เดิม เพื่อช่วยผู้ประกอบการมีทางเลือกที่จะลงทุนเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานเพิ่มขึ้น เช่น การส่งเสริมการใช้อุปกรณ์แสงสว่างประสิทธิภาพสูง ด้วยการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้หลอดผอมใหม่เบอร์ 5 แทนหลอดฟูลออเรสเซนต์ T8 หรือหลอดผอมเดิม คาดว่าจะลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 4,790 ล้านหน่วยต่อปี นับตั้งแต่ปี 2555 ลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดได้ 1,040 เมกะวัตต์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2.1 ล้านตันต่อปี
สำหรับการสนับสนุนธุรกิจบริษัทจัดการด้านพลังงาน ESCO ได้มีการจัดกองทุนเพื่อร่วมลงทุนและส่งเสริมการลงทุนในโครงการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยใช้เงินจากกองทุนฯเข้าร่วมในโครงการ หรือการเข้าร่วมทุนกับบริษัทจัดการพลังงาน เช่นการเช่าซื้ออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน หรือพลังงานทดแทนให้ผู้ประกอบการก่อน แล้วให้ผ่อนชำระทีหลัง โดยเบื้องต้นปี 2551 จะทดลองดำเนินการดังกล่าวในวงเงิน 500 ล้านบาท และส่งเสริมการจัดการด้านการใช้พลังงานโดยวิธีประกวดราคา (DSM Bidding) เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการโรงงานและอาคารตัดสินใจเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกิจการให้เร็วขึ้น โดยจะใช้เงินกองทุนฯเข้าไปสนับสนุนอัตราต่อหน่วยพลังงานที่ประหยัดได้ ด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอเข้าร่วมโครงการ และขอรับการสนับสนุนงบต่อค่าพลังงานที่ประหยัดได้ โดยโครงนี้จะมีระยะเวลาในการดำเนินการ 2 ปี
นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง เช่น การจัดเตรียมพื้นที่จอดแล้วจร เพิ่มเติมพร้อมทั้งจัด Feeder อำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างที่จอดรถไปยังระบบขนส่งมวลชน และกำหนดอัตราความเร็วในการขับรถยนต์ไม่ให้เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดในแต่ละเขต พร้อมกับศึกษาหาแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งสินค้า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและจูงใจให้หันมาใช้พลังงานทดแทน ด้วยการผลักดันพลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดยเน้นดำเนินการในสิ่งที่มีอยู่ในประเทศ เช่น น้ำเสีย ขยะ วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงของรัฐบาล เช่น ก๊าซชีวภาพ การผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ การแปรรูปขยะเป็นพลังงาน การส่งเสริมวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นพลังงาน
“การดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงาน จะสามารถลดการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ ในปี 2554ได้ประมาณ 18,294 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือเทียบเท่าการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 14,829 ล้านลิตร และประหยัดไฟฟ้าได้ 45,165 ล้านหน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 467,000 ล้านบาทต่อปี”
วันนี้ กพช. ได้เห็นชอบกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีจัดการเพื่อให้โรงงานและอาคารควบคุมใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นชอบกฎกระทรวงกำหนดเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน รวม 8 ฉบับ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ประเภทเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พัดลมไฟฟ้า เครื่องทำน้ำอุ่น หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน เครื่องทำน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศ (Chiller) และกระจก ซึ่งจะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศได้มาตรฐานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์กับประชาชน และในปี 2552 กระทรวงพลังงานจะดำเนินการอีก 27 รายการ
นายวีระพล กล่าวว่า ที่ประชุม กพช. ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการบริหารกองทุนน้ำมันฯภายหลังการใช้หนี้หมดแล้วจะจัดสรรอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ 1.ลดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับประชาชน 50 สตางค์ต่อลิตร 2. โอนอัตราการเก็บเงินสำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตร เข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อใช้ในการลงทุนพัฒนาระบบขนส่ง เช่น โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต รถไฟทางคู่สายฝั่งทะเลตะวันออก เป็นต้น และ 3. ส่วนที่เหลือเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อสะสมไว้เป็นค่าใช้จ่ายในภาวะฉุกเฉินที่อาจจำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศในช่วงสั้นๆ และใช้สนับสนุนการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง