พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จ ฯ ไปทรงเป็นประธานและทรงประกอบพิธีปล่อยเรือ ต.๙๙๒ และ เรือ ต.๙๙๓ ลงน้ำ

พฤหัส ๐๖ กันยายน ๒๐๐๗ ๑๓:๐๙
กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
วันนี้ (๖ กันยายน ๒๕๕๐) เวลา ๑๗.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานและทรงประกอบพิธีปล่อยเรือ เรือ ต.๙๙๒ และ เรือ ต.๙๙๓ ลงน้ำ ณ อู่เรือ บริษัท มาร์ซัน จำกัด ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่เวลา ๑๖.๕๐ น. เป็นต้นไป
เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงมีพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ในปี ๒๕๕๐ กองทัพเรือ จึงได้จัดโครงการสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดใหม่ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายในนามของพสกนิกรชาวไทย และเป็นการเทิดพระเกียรติที่ทรงมีพระอัจฉริยภาพในด้านการต่อเรือ โดยทรงมีพระราชดำริและพระบรมราชวินิจฉัยในเรื่องที่เกี่ยวกับการต่อเรือ เพื่อการพึ่งพาตนเองของ กองทัพเรือ มาโดยตลอด นับตั้งแต่การสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุด เรือ ต.๙๑ - ต.๙๙ จำนวน ๙ ลำ ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ - ๒๕๓๐ ทั้งยังมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกร ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ ในการนี้ กองทัพเรือ ได้ยึดถือแนวทางตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานไว้เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๔๕ ว่า "เรือรบขนาดใหญ่มีราคาแพงและมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานสูง กองทัพเรือ จึงควรใช้เรือที่มีขนาดเหมาะสมและสร้างได้เอง ซึ่งเมื่อสร้าง เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุด เรือ ต.๙๑ ได้แล้ว ควรขยายแบบเรือให้ใหญ่ขึ้นและสร้างเพิ่มเติม" กองทัพเรือจึงได้เร่งดำเนินการสนองแนวพระราชดำรัส โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยในเรื่องขนาด รูปทรง และน้ำหนักของเรือ รวมทั้งการใช้เชื้อเพลิงและการออกแบบ เพื่อให้เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลำใหม่มีสมรรถนะสูงสุดในการปฏิบัติการทางทะเล ทั้งนี้ กองทัพเรือได้มอบหมายให้กรมอู่ทหารเรือเป็นหน่วยรับผิดชอบดำเนินการสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งลำใหม่ จำนวน ๑ ลำ ส่วนอีก ๒ ลำ ได้ว่าจ้างบริษัท มาร์ซัน ทำการจัดสร้าง เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเรือภายในประเทศ โดยเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเฉลิมพระเกียรติ ฯ ทั้ง ๓ ลำ นี้ จะมีรูปร่างและคุณลักษณะเหมือนกันทุกประการ และมีกำหนดแล้วเสร็จให้ทันร่วมเฉลิมพระเกียรติและน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่จะทรงมีพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยกองทัพเรือได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นประธานและทรงประกอบพิธีปล่อยเรือ ต.๙๙๑ ลงน้ำ ณ อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๐
สำหรับเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเฉลิมพระเกียรติ ฯ ลำที่ ๒ และลำที่ ๓ พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ประกอบพิธีวางกระดูกงูเรือ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๙ โดยกองทัพเรือได้ว่าจ้างบริษัท มาร์ซัน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทต่อเรือระดับแนวหน้าของประเทศไทยที่มีประสบการณ์ยาวนานร่วม ๓๐ ปี มีผลงานการต่อเรือที่เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับสากล รวมถึงได้ผ่านการประเมินศักยภาพของอู่เรือ จากคณะผู้เชี่ยวชาญของจากกองทัพเรือเป็นผู้ดำเนินการสร้าง ทำการต่อเพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเรือภายในประเทศ และถือพร้อมทั้งส่งมอบวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับโครงการที่มีความสำคัญนี้ให้กับกรมอู่ทหารเรือ เพื่อให้เรือทั้ง ๓ ลำ มีอุปกรณ์ที่เหมือนกัน เพราะนอกจากจะทำให้สะดวกและง่ายต่อการรักษาแล้วยังช่วยลด ต้นทุนได้ส่วนหนึ่งอีกด้วย โดยภายหลังจากพิธีปล่อยเรือลงน้ำแล้ว กองทัพเรือจะทำการทดสอบเรือหน้าท่าและ ทำการทดลองเรือในทะเลเพื่อทดสอบสมรรถนะและคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ ต่อไป
เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเฉลิมพระเกียรติ ฯ เป็นเรือที่กองทัพเรือจัดสร้างเพื่อทดแทนเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.๑๑ ซึ่งใช้ราชการมานานแล้ว โดยจะสังกัดกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ มีภารกิจในการลาดตระเวน ป้องกันการแทรกซึม คุ้มครองเรือประมง ป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน รักษากฎหมายในทะเลตามอำนาจหน้าที่ที่กองทัพเรือได้รับมอบหมาย รวมถึงการถวายความปลอดภัยแด่ พระบรมวงศานุวงศ์
คุณลักษณะทั่วไปของเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ชุดเรือ ต.๙๙๑ เป็นเรือที่มีความยาวตลอดลำ ๓๘.๗ เมตร กว้าง ๖.๔๙ เมตร ความลึก กลางลำ ๓.๘๐ เมตร กินน้ำลึกเต็มที่ ๑.๘๐ เมตร ระวางขับน้ำเต็มที่ประมาณ ๑๘๖ ตัน ความเร็วสูงสุด ๒๗ น๊อต และมีระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรใหญ่ดีเซลเรือ จำนวน ๒ เครื่อง ระยะปฏิบัติการ ๑,๕๐๐ ไมล์ทะเล สามารถปฏิบัติงานในทะเลต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า ๗ วัน สำหรับอาวุธประจำเรือ ประกอบด้วย ปืนกลขนาด ๐.๕๐ นิ้ว จำนวน ๒ กระบอก และขนาด ๓๐ มม. จำนวน ๒ กระบอก พร้อมเครื่องควบคุมการยิงแบบ Optronic อีก ๑ กระบอก มีกำลังพลประจำเรือทั้งสิ้น ๒๙ นาย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.navy.mi.th)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน