กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--กฟผ.
รอบปี 50-51 โจรชุกลอบถอดชิ้นส่วนอุปกรณ์เสาโครงเหล็กไฟฟ้าแรงสูงมากขึ้น กฟผ. สูญงบประมาณซ่อมบำรุงหลายล้านบาท ชี้เศรษฐกิจสะเทือนหมื่นล้านแค่ไฟดับเพียงเสี้ยวนาที !!! เผยความคืบหน้างานซ่อมบำรุงฯ เสาส่งไฟฟ้าฯ หลังถูกโจรกรรมคาดจ่ายไฟได้ตามกำหนด เตรียมออกสื่อประชาสัมพันธ์ชุด “คนไทย...รักสายส่ง”กระตุ้นประชาชนหันมาใส่ใจช่วยกันดูแลมากยิ่งขึ้น
นายรัตนพงษ์ จงดำเกิง รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงปัญหาการลักลอบถอดน็อตอุปกรณ์ชิ้นส่วนเสาไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งขณะนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ของ กฟผ. อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในประเทศว่า รอบปีที่ผ่านมาตั้งแต่พ.ศ.2550 — ปัจจุบัน พบว่า มีผู้ไม่หวังดีโจรกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์เสาส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ.เพิ่มมากขึ้น โดยสายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่พาดผ่านอยู่ทั่วประเทศ แบ่งการดูแลรักษาเป็น 5 ฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งจากสถิติความเสียหายปี 2550 พบว่า พื้นที่ ภาคกลาง เกิดการโจรกรรมบ่อยมากที่สุด ภาคอีสาน ก็มีแนวโน้มตัวเลขการลักขโมยสูงขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะพื้นที่อุดรธานี หนองคาย เลย และหนองบัวลำภู คิดเป็นจำนวน 2,020 ท่อน ส่วน ภาคเหนือ บริเวณ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สูญหายจำนวนกว่า 1,117 ท่อน ด้าน ฝ่ายปฏิบัติการเขตนครหลวง ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ส่วน ภาคใต้ ก็มีอัตราการเกิดด้วยเช่นกันแต่ไม่บ่อยเหมือนภาคอื่นๆ
“แม้ในส่วนของ กฟผ. จะได้รับผลกระทบต่องบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นในการซ่อมบำรุงรักษาฯ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ระบบเศรษฐกิจของประเทศจะได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาเพียงแค่ไฟฟ้ากระตุก หรือกระพริบเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที ก็ทำความเสียหายต่อภาคธุรกิจอุตสาหกรรมโดยรวมอย่างมาก และหากกรณีไฟฟ้าดับ เสาส่งไฟฟ้าล้มย่อมทำให้ระบบไฟฟ้าที่เหลือมีความไม่มั่นคงเกิดความเสี่ยงในระบบไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้นับจากวันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น กฟผ. ได้เร่งดำเนินการแก้ไขเป็นการด่วน ด้วยการตรวจเช็คสภาพฐานรากเดิม และรื้อเสาส่งต้นที่ล้มออก พร้อมนำเสาต้นใหม่มาตั้งใช้งานแทน คาดว่าแล้วเสร็จและสามารถจะส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เป็นปกติภายในวันพุธที่ 12 มีนาคม 2551 นี้
ส่วนกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนหันมาให้ความร่วมมือร่วมกันดูแลรักษาเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง กฟผ. ได้เตรียมผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ชุด “คนไทย...รักสายส่ง” ขึ้น โดยเนื้อหาจะเป็นการถ่ายทอดเกี่ยวกับการดูแลรักษาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความตระหนักว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ ลดความเสียหายที่เกิดต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม