เอ็มเอสไอจี ประกันภัย ปรับกลยุทธ์รุกตลาด หวังขึ้นอันดับหนึ่งธุรกิจประกันภัย

พฤหัส ๑๙ มิถุนายน ๒๐๐๘ ๑๕:๕๑
กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--เรน เมกเกอร์ คอนซัลแทนท์
บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย)จำกัด ปรับกลยุทธ์และนโยบายเพื่อรองรับกฎหมายประกันภัยฉบับใหม่ พร้อมทุ่มงบกว่า 30 ล้าน เน้นการสร้างแบรนด์ หวังขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของธุรกิจประกันภัย เน้นเรื่องการทำธุรกิจอย่างโปร่งใส
นายอรรณพ พรธิติ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) กล่าวถึงระบบการดำเนินงานภายใต้กฎหมายประกันภัยฉบับใหม่ว่าบริษัทได้ตระหนักและวางระบบการควบคุมภายในที่เข้มแข็ง รวมถึงกฎระเบียบข้อบังคับทางกฎหมาย นโยบายบริษัท หลักเกณฑ์ และ หลักจรรยาบรรณทางธุรกิจต่างๆ รวมทั้งมาตรฐานการบัญชีทั่วไป เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นไปด้วยความถูกต้องและโปร่งใส มีการบริหารจัดการที่ดี อีกทั้งรายงานการเงินมีการบันทึกอย่างถูกต้องและเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาต่อผู้ถือหุ้นและผู้เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจต่อบริษัทและให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุด โดยเน้นการเสริมสร้างและพัฒนาไปร่วมกับลูกค้า ในปี 2008 บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัย 2,500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเจริญเติบโตกว่า 8% กลยุทธ์หลักที่บริษัทวางแผนไว้นั่นคือการสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็งขึ้น เนื่องจากหลังการเปลี่ยนชื่อจากอาวีว่า ประกันภัย มาเป็น เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย เมื่อปี 2006 บริษัทฯ ยังไม่ได้ทำการตลาดภายใต้ชื่อใหม่อย่างจริงจัง ดังนั้นในปี 2008 นี้ บริษัทฯจึงทุ่มงบประมาณกว่า 30 ล้านบาทเพื่อจะสร้าง Brand ให้เป็น “คำตอบของประกันภัย” (Insurance Solution) โดยเน้นมีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ และเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังได้รุกกิจกรรมการตลาดแนวใหม่ “มูฟวี่ มาร์เกตติ้ง”โดยได้สนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง Lost & Found ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวอินดี้ ที่กล่าวถึงเรื่องของการสูญเสียและสิ่งที่ได้รับการชดเชยจากการสูญเสีย ซึ่งขณะนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะเปิดฉายรอบการกุศลเร็วๆนี้
ในปี 2007 บริษัทฯมีเบี้ยประกันภัยรวมกว่า 2,370 ล้านบาท มีผลกำไรรวมการลงทุนหลังหักภาษี 137 ล้านบาทเบี้ยประกันภัยรับต่ำกว่าแผนอยู่เล็กน้อย เนื่องจากบริษัทฯได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการรับประกันภัยรถยนต์ ในครึ่งปีหลัง เพราะผลจากการไม่คุ้มทุนการรับประกันภัยในครึ่งปีแรก ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องปรับเบี้ยประกันภัยขึ้นตามตลาด โดยเฉพาะสำหรับลูกค้ารายใหม่และต่ออายุที่มีเบี้ยประกันภัยค่อนข้างต่ำ
จากการที่บริษัทฯ ประสบปัญหาการไม่คุ้มทุนจากการรับประกันภัยรถยนต์มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องปรับเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในบางประเภทขึ้นประมาณ 10-15 % ตามกลไกลของตลาด และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บริษัทฯสูญเสียลูกค้าจำนวนหนึ่งแต่ยังคงมีนโยบายในการรับประกันภัยรถยนต์ต่อไปและบริษัทฯขอยืนยันว่าถึงแม้ว่าบริษัทฯจะไม่คุ้มทุนจากการรับประกันภัยดังกล่าวแต่เราก็ยังคงยืนหยัดให้บริการค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยและประชาชนอย่างยุติธรรม ซื่อสัตย์ และรวดเร็ว
การประกันทรัพย์สินบริษัทฯ มีฐานลูกค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยส่วนใหญ่ผ่านทางบริษัทนายหน้าและตัวแทนทั่วประเทศ จากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติสึนามิที่เกิดขึ้นในปี 2547 บริษัทฯได้มีความสามารถในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนมากที่สุดกว่า 1,800 ล้านบาท และชดใช้ให้กับลูกค้าทุกรายเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะเห็นได้ว่าบริษัทฯมีความมั่นคงทางการเงินและสามารถให้บริการลูกค้าได้ทั้งรายใหญ่และรายย่อย
นายอรรณพ กล่าวต่อว่า “บริษัทได้เริ่มแนวคิดการจัดการธุรกิจเพื่อความเป็นเลิศซึ่งเรียกว่า BE@M (Business Excellence At MSIG) โดยมีจุดประสงค์ที่จะ “มุ่งมั่นในความเป็นเลิศในทุกด้านที่ดำเนินการเพื่อให้ลูกค้าและ คู่ค้าได้รับความพึงพอใจและประทับใจในการบริการที่ดีเยี่ยม” พนักงานทุกคนได้ร่วมกัน พิจารณาทบทวนและปรับปรุงการให้บริการที่มีคุณค่าในทุก ๆ ส่วนงานของธุรกิจ ซึ่งแนวคิดนี้จะเป็นหนึ่งในปรัชญาการทำงานของพนักงาน ที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการดำเนินการเพื่อให้บรรลุความสำเร็จตามเป้าหมายทางธุรกิจที่ตั้งไว้ รวมไปถึงเป็นการสร้างความประทับใจที่จะเป็นลูกค้าของบริษัทตลอดไป
เป้าหมายในปี 2008 เราตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2,500 ล้านบาทซึ่งเติบโตจากปี 2007 ประมาณ 8% และกลยุทธ์ ในปี 2008 คือ การสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็งขึ้น การเติบโตอย่างมีคุณภาพ การพัฒนาการบริการที่ดียิ่งขึ้น การมุ่งเน้นเรื่องการทำธุรกิจอย่างโปร่งใส การปฏิบัติตามกฏหมายใหม่อย่างเคร่งครัด และตอบแทนสังคม
สำหรับประเภทการประกันภัยที่บริษัทฯจะขยายตลาดคือของ Product Liability (ความรับผิดชอบในสินค้าและบริการ) สืบเนื่องจากการบังคับใช้กฏหมายความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย(Product Liability Law) ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือน กุมภาพันธ์ 2552 บริษัทฯ เล็งเห็นว่าประกันภัยความรับผิดชอบ ในสินค้าและบริการ Product Liability จะเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสินค้าซึ่งจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้บริษัทฯได้เตรียมพัฒนาบุคลากรที่จะมาให้บริการในการรับประกันภัยและชดใช้ ค่าสินไหมทดแทน นอกจากการประกันภัยความรับผิดชอบในสินค้าและบริการ Product Liability บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำการประกันภัยสวัสดิการพนักงาน (Employee Benefit) ใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดตั้งบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ ทำการศึกษา ในด้านการรับประกันภัย การให้บริการในด้านชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่บริษัทฯ ได้ริเริ่ม และให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือ กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ซึ่งมุ่งเน้นทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม “บริษัทฯ มีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องของการทำกิจกรรมเพื่อสังคม โดยไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง แต่เริ่มต้นที่บุคลากรภายในองค์กรก่อน จากนั้นจึงขยายผลไปยังกลุ่มลูกค้า เน้นการให้บริการที่ดีต่อลูกค้า เช่น การเปิดสายด่วนเพื่อรับข้อร้องเรียน สายด่วนแจ้งเกิดอุบัติเหตุ การติดตามผลหลังการแจ้งเหตุ และรวมถึงการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการพิจารณาเรื่องสินไหมทดแทน นอกจากนี้การจัดทำระบบต่างๆเพื่อมารองรับการทำงานให้มีมาตรฐานและสามารถตรวจสอบได้ชัดเจน รวมถึงการได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2000 อย่างสมบูรณ์ ทำให้มีการขึ้นทะเบียนและวัดประเมินผลงานของ ผู้ส่งมอบสินค้าและบริการ
สำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ ในปีนี้ ได้มุ่งเน้นในเรื่องของสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยร่วมมือกับกระทรวงพลังงานในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น การลดปริมาณของกระดาษเสีย และของเสียอื่นๆ และได้ริเริ่มโครงการ D.E.K (Developing Education for Kids) ซึ่งเป็นโครงการที่ให้การสนับสนุนทางด้านการศึกษาเพื่อเด็กและเยาวชน และ โครงการ D.D.D. (Don’t Do Drug) เป็นโครงการสนับสนุนกิจกรรม เพื่อการหลีกเลี่ยงยาเสพติด นอกจากนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้แก่ผู้ด้อยโอกาสได้เข้ามาทำงานเป็นพนักงานประจำ เพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้เช่นคนปกติทั่วไป และสนับสนุนพนักงานในด้านการฝึกอบรมในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น สนับสนุนให้พนักงานศึกษาด้านการประกันภัยเพิ่มเติมจากสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“ผมเชื่อว่าด้วยนโยบายการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส และคุณภาพที่ได้มาตรฐานทั้งในตัวสินค้าและการบริการ รวมทั้งความรับผิดชอบต่อสังคม ของเอ็ม เอส ไอ จีประกันภัย จะทำให้บริษัทฯ ขึ้นเป็นที่หนึ่งของบริษัทประกันภัยในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้” นายอรรณพ กล่าวสรุป
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
บริษัท เรน เมกเกอร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด โทร 0-2 260-3534
ฑิตยา นาคทอง โทร. 086-310-7287
ทิตยา เชื่อมสุวรรณ โทร 085-150-7790

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๒ คณะ กิจกรรม วิศวฯ ม.เกษตรศาสตร์ จับมือ อัลเตอร์วิม ร่วมวิจัย-พัฒนาขีดความสามารถเชิงธุรกิจ ด้านพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน
๑๖:๐๖ กรุงศรีออกมาตรการช่วยเหลือ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เป็นเวลา 6 เดือนตอบรับแนวทางการช่วยเหลือของสมาคมธนาคารไทย
๑๖:๒๙ Lexar Professional CFexpress 4.0 Type B Card DIAMOND คว้ารางวัล BEST STORAGE MEDIA ในงาน TIPA WORLD AWARDS
๑๖:๔๔ ฟอร์ติเน็ต ร่วมมือ สกมช. คัดเลือก-ฝึกอบรมเสริมทักษะบุคลากรคลาวด์ เล็งเพิ่มทรัพยากรบุคคล เสริมความมั่นคงปลอดภัยบนคลาวด์ทุกรูปแบบ
๑๖:๒๙ ไอ-เทล รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรก แข็งแกร่งด้วย รายได้กว่า 4 พันล้าน กำไรเพิ่ม 93 เปอร์เซ็นต์ มุ่งการเติบโตต่อเนื่องตลอดปี
๑๖:๒๒ หมอแม็ค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมของไทย
๑๖:๐๗ ทรูเวฟ (ประเทศไทย) เปิดตัว GreenFarm.AI ผู้ช่วยคนใหม่ที่จะทำให้สวนเติบโตสวยและยั่งยืนได้ดั่งใจ
๑๖:๕๐ ไบเทคบุรี เมกะโปรเจกต์ของภิรัชบุรี กรุ๊ป พลิกโฉม ไบเทค บางนา ก้าวข้ามอุตสาหกรรม MICE สู่สถานที่แห่งไลฟ์สไตล์ครบวงจร
๑๖:๕๒ ดีมันนี่ ตอกย้ำความสำเร็จในงาน Money 20/20 Asia ในฐานะผู้บุกเบิกโซลูชัน โอนเงินไปต่างประเทศชั้นนำในวงการฟินเทคไทย
๑๖:๕๔ สบยช. ยืนยัน ชาเม่ คอลลาเจน ไม่มีสารเสพติด