APF กรุ๊ป เปิดตัวธุรกิจประกันภัย วาดแผน 3 ปีแข็งแกร่งสู่ระดับสากล

พุธ ๒๐ สิงหาคม ๒๐๐๘ ๑๔:๐๘
กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--เอพีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวร์รันส์
APF กรุ๊ป เปิดตัวธุรกิจประกันภัย ทุ่มกว่า 200 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการประกันวินาศภัยจากกลุ่มดำเนินชาญวนิชย์ เผย หลังใส่เงินทุนจะทำให้บริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น วาดแผนภายใน 2-3 ปี เป็นองค์กรที่ได้มาตรฐานในระดับนานาชาติ เตรียมใช้จุดเด่นของบริษัทในกลุ่มร่วมผลักดัน ก่อนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดึง “วรศักดิ์” จาก ลิเบอร์ตี้ นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริหาร หลังมีแนวทางการจัดการแบบโปร่งใสเหมือนกัน ด้านกรรมการผู้จัดการใหม่พร้อมเดินหน้าไตรมาส 4 ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง เน้นทำกรมธรรม์ตรงไปตรงมา และไม่เข้าแข่งขันทางด้านราคา แต่จะเน้นการให้บริการที่เป็นเลิศ
นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Asia Partnership Fund Group (APF Group) กล่าวว่า บริษัท เอพีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท แอ๊ดวานซ์ อินชัวร์รันส์ จำกัด จำนวน 100% จากผู้ถือหุ้นเก่ากลุ่มดำเนินชาญวนิชย์ และได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 320 ล้านบาท เป็น 477 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้ทำให้การดำรงเงินกองทุนบริษัทเป็นไปตามกฎหมายกำหนด พร้อมกันนี้ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท เอพีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวร์รันส์ จำกัด หรือ APFII และถือเป็นครั้งแรกที่มีการเปลี่ยนชื่อบริษัท หลังจากการเข้าซื้อกิจการโดย APF
"ที่นี่เป็นบริษัทที่ดีที่สุดหลังจากมีการเจรจากันหลายกลุ่ม มีปัญหาน้อยที่สุด ซึ่งเราเข้าใจดีว่า ธุรกิจประกันภัยจะต้องมีเงินกองทุนเป็นเงินสำรองที่จำเป็น เพื่อเป็นหลักประกันในความมั่นคงของบริษัท ในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน รวมทั้งบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และ ภายใต้การดำเนินงานของ เอพีเอฟ กรุ๊ป ขอให้ผู้ถือกรมธรรม์ทุกท่านและพันธมิตรทางการค้าทุกรายมั่นใจได้เลยว่า บริษัทดังกล่าวจะมีความเข้มแข็งทางการเงินและเงินสดเพียงพอที่จะดำเนินงานและรับผิดชอบต่อผู้ถือกรมธรรม์ได้"
อย่างไรก็ตาม ภายใน 2-3 ปี ที่นี่จะเป็นองค์กรที่มีมาตรฐานในระดับนานาชาติ นอกจากมีความพร้อมสำหรับการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk-based Capital) แล้ว ยังจะเต็มไปด้วยทรัพยากรบุคคล ทั้งในด้านเทคนิค งานวิเคราะห์ และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบไอทีที่นำสมัยรองรับรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำไปใช้ให้มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ การบริหารความเสี่ยงทั้งองค์กร (Enterprise Risk Management: ERM) เพื่อให้ บริษัทสามารถรับรู้และเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ
"ธุรกิจในกลุ่มของเรามีหลากหลาย ที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะเรื่องการบริหารหนี้สินและสินทรัพย์ (Asset Liability Management: ALM) เพื่อให้บริษัทสามารถสร้างความสมดุลระหว่างสินทรัพย์และหนี้สิน รวมทั้งกระจายความเสี่ยง (Diversification) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะเร่งสร้างบุคคลากรด้านการประกันภัย โดยเฉพาะนักคณิตศาสตร์ประกันภัย เพราะการเปลี่ยนวิธีการดำรงเงินกองทุนจะส่งผลให้งานด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยมีความจำเป็นมากขึ้น"
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เชิญผู้บริหารมืออาชีพ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของวงการธุรกิจประกันภัยคือ นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิเบอร์ตี้ ประกันภัย จำกัด มานั่งเป็นกรรมการผู้จัดการ เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของ APFII นับจากนี้ ตระหนักดีว่าการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง แต่บริษัทจะยึดคุณภาพในการให้บริการลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ทุกท่านอย่างตรงไปตรงมา เมื่อลูกค้าเลือกเราเป็นผู้รับประกันภัยแล้ว บริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบและดูแลหน้าที่ต่างๆแทนลูกค้าเอง
"นอกจากคุณวรศักดิ์ จะมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับแล้ว ยังเป็นผู้บริหารที่มีแนวความคิดและวิสัยทัศน์ทางเดียวกันกับทางเอพีเอฟ กรุ๊ป เนื่องจากเราเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนจึงทำธุรกิจแบบโปร่งใส ตรงไปตรงมา รวมไปถึงความคิดที่จะแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนให้ได้ภายใน 5 ปี และหากภาวะตลาดหุ้นไทยเอื้ออำนวย ก็จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย"
นายมิทซึจิ กล่าวว่า สิ่งที่เอพีเอฟ กรุ๊ป จะให้การสนับสนุนกับ APFII ก็คือ เงินลงทุนในการขยายธุรกิจประมาณ 1,000 ล้านบาท ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูง งานทางด้านไอที จาก บริษัท กรุ๊ปลิส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ระบบบัญชีและการเงิน และการบริหารจัดการเงินลงทุนอย่างมืออาชีพผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูไนเต็ด จำกัด (UAM) และ/หรือ บริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) (US) รวมไปถึงการสนับสนุนจากบริษัทในกลุ่มทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ APFII กลายเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำไปในที่สุด
นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอพีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวร์รันส์ จำกัด กล่าวในฐานะผู้บริหารคนใหม่ว่า ที่ผ่านมาที่นี่ไม่ได้มีการทำธุรกิจมากนักเพราะอยู่ระหว่างหาผู้ร่วมทุนใหม่ ทั้งนี้คาดว่าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากขึ้นประมาณไตรมาส 4 ปีนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างองค์กร โดยได้รับการสนันสนุนจากบริษัทในกลุ่มของ เอพีเอฟเข้ามาช่วยวางระบบ
"ช่วงนี้เราอยู่ระหว่างสร้างแบรนด์ให้ประชาชนได้รับรู้ รวมทั้งการปรับปรุงเรื่องแบบกรมธรรม์บางชนิดที่ไม่ตอบโจทก์ลูกค้า เราจะยกเลิก หลักๆ เราจะเน้น Motor 50% และ Non Motor 50% แต่ทำจริงๆ ปีแรกๆ นั้น เราจะเน้นที่ Motor มากหน่อย และอีกประมาณ 2-3 ปีน่าจะอยู่ในระดับที่เราต้องการ"
ที่ผ่านมาบริษัทประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่อง จากนี้ไปคงต้องเคลียร์เรื่องปัญหาเก่าให้แล้วเสร็จเมื่อมีผู้ถือหุ้นใหม่ที่มีความมั่นคงเข้ามาแล้ว คงทำให้พันธมิตรทั้งหลายจะให้การต้อนรับเหมือนเดิม มั่นใจว่าทุกอย่างจะไม่มีปัญหา เพราะวันนี้บริษัทนับว่าแข็งแกร่งแล้ว
"ผมมาอยู่ที่นี่เพราะ เอพีเอฟ กรุ๊ป เขาเป็นกลุ่มทุนระดับนานาชาติที่มีความพร้อม มีความตั้งใจที่จะมาลงทุนจริงๆ ไม่ได้มาแสวงหาประโยชน์ในช่วงสั้น เขาตั้งใจจะปักหลักในประเทศไทย ต่อมาคือ ที่นี่มีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว เมื่อเข้ามาสามารถเริ่มงานได้ทันที แต่เดิมขาดแค่สภาพคล่อง และที่ต้องปรับปรุงก็คือ ทางด้านของการรับประกันที่จะต้องมาดูให้ทำอย่างถูกต้อง ขณะที่ฝ่ายการตลาดก็พร้อมจะเดินหน้าอยู่แล้ว”
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันทางด้านประกันภัยในปัจจุบันนับว่ารุนแรง ถ้าถามว่ายังสามารถแข่งขันได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่าได้ สำคัญคือเมื่อมีบริษัทที่มีปัญหามากขึ้น ก็จะทำให้ผู้บริโภคจะเลือกมากขึ้น เขาจะไม่เลือกแค่เบี้ยประกันภัยถูกเพียงอย่างเดียว แล้วทำไม่ได้อีกต่อไป จากนี้ไปเชื่อว่าลูกค้าคงจะเน้นในเรื่องของความมั่นคง และการบริการที่ดีมากกว่าเบี้ยประกันภัยถูกเพียงอย่างเดียว "สิ่งที่เห็นเด่นชัดของเราก็คือ ความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนจากการสนับสนุนของ เอพีเอฟกรุ๊ป ผมและผู้บริหารของกลุ่มมีความเห็นพ้องต้องกันว่าเราจะต้องผ่านข้อบังคับต่างๆ ของทาง คปภ. ทั้งหมด และเรามีความมุ่งมั่นจะเป็นหนึ่งในบริษัทสีเขียวของ คปภ. นอกจากเรื่องเงินทุนแล้วเรายังได้รับการสนับสนุนงานด้านระบบต่างๆ จากบริษัทในกลุ่มเอพีเอฟ กรุ๊ป ซึ่งธุรกิจนี้เราแข่งขันกันที่ต้นทุน บริษัทใหญ่ที่สามารถแข่งขันได้เพราะได้เปรียบทางด้านต้นทุน เราเป็นบริษัทขนาดกลาง ก็ต้องบริหารต้นทุนให้สามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่ให้ได้ และสิ่งที่ เอพีเอฟ กรุ๊ป ย้ำในการทำธุรกิจก็คือ การบริหารกิจการที่โปร่งใส ตามกฎข้อบังคับของคปภ.ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการบริหารของผม ที่ต้องการทำธุรกิจให้เป็นสีเขียว ตรงไปตรงมา เพราะหากเรามองย้อนไปเป็นผู้บริโภค ก็คงทราบว่าต้องการอะไร" นายวรศักดิ์ กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม บริษัท เอพีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล อินชัวร์รันส์ จำกัด
สมร ภู่อิ่ม (อ้อย) ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารมวลชน และ นักลงทุนสัมพันธ์ Mobile. 081-984-4814
ทิพสุคนธ์ เภาโบรมย์ (ขวัญ) หัวหน้าฝ่ายสื่อสารมวลชน Mobile. 081-635-5205

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud