ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิต STECON ที่ “BBB-/Stable” และคงอันดับเครดิตเดิมและจัดเครดิตหุ้นกู้ใหม่ “ITD” ที่ “BBB+/Stable”

พุธ ๒๙ ตุลาคม ๒๐๐๘ ๐๘:๑๕
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STECON) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการเป็น 1 ใน 3 ของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ ความชำนาญในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโรงงานปิโตรเคมี ผลงานที่ได้รับการยอมรับทั้งในภาครัฐและเอกชนยาวนาน และนโยบายภาครัฐในการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงของการมีต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงกว่าประมาณการในโครงการที่ใช้เวลาก่อสร้างนานและมีลักษณะสัญญาแบบคงที่ (Fixed-price Contract) ตลอดจนแรงกดดันต่อเนื่องที่มีต่ออัตรากำไรต่อหน่วยของงานก่อสร้าง และการแข่งขันที่รุนแรงซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์งานก่อสร้างทั้งจากภาครัฐและเอกชน

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable“ หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังว่าผลประกอบการของ STECON จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2552 และบริษัทจะสามารถรักษาสถานะของงบดุลที่มีการใช้หนี้สินต่อทุนในระดับต่ำ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังในการประมูลโครงการใหม่ๆ

STECON เป็น 1 ใน 3 ของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศซึ่งมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในโครงการก่อสร้างภาครัฐ โดยบริษัทจัดอยู่ในประเภทผู้รับเหมาชั้นหนึ่งที่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเกือบทุกแห่ง นอกเหนือจากงานก่อสร้างสาธารณูปโภคของภาครัฐแล้ว บริษัทยังมีความชำนาญและได้รับการยอมรับในงานรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมสำหรับโรงไฟฟ้าและโรงงานปิโตรเคมี ตลอดจนงานประกอบและเชื่อมเหล็กด้วย โดยตั้งแต่ปี 2547 บริษัทได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งหมด 6 แห่ง คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 12,199 ล้านบาท สัดส่วนรายได้ของบริษัทจากการก่อสร้างในส่วนงานสาธารณูปโภค : อาคาร : พลังงาน ในปี 2550 อยู่ที่ 41:24:29 โดยประมาณ 70% ของรายได้ค่าก่อสร้างในปี 2550 ของบริษัทมาจากโครงการก่อสร้างภาครัฐ ณ เดือนสิงหาคม 2551 บริษัทมีงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 15,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.63% จาก 14,389 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550

ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นโดยตลอดจากการขาดทุนอย่างมากในปี 2549 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก -8.81% ในปี 2549 มาอยู่ที่ 3.09% ในปี 2550 และอยู่ที่ 4.74% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 ทริสเรทติ้งเชื่อว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในปีหน้าจากการที่โครงการก่อสร้างที่ไม่มีกำไรใกล้จะแล้วเสร็จในปี 2551 นอกจากนี้ งานก่อสร้างที่มีอัตรากำไรที่ดีเช่นงานโครงสร้างเหล็กจะเป็นรายได้หลักของบริษัทในปี 2552 แม้ว่าผลประกอบการของบริษัทจะอ่อนไหวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่โครงสร้างเงินทุนของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง บริษัทรักษาภาระหนี้ให้อยู่ในระดับต่ำโดยการใช้เครดิตที่ได้รับจากเจ้าหนี้ทางการค้าและเงินรับล่วงหน้าจากการก่อสร้างเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานบางส่วน อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดรับจากเงินรับล่วงหน้าจากการก่อสร้างนั้นไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับปริมาณงานใหม่ที่ได้รับ ณ เดือนมิถุนายน 2551 บริษัทมีภาระหนี้อยู่ที่ 1,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1,682 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2550 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 30.78% อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 ตกลงมาอยู่ที่ 5.50 เท่าจาก 6.65 เท่าในปี 2550 เนื่องจากภาระหนี้ที่สูงขึ้น รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทอยู่ที่ 7.53% (ยังไม่ได้ปรับเต็มปี)

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) ที่ระดับ “BBB+” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่มูลค่า 2,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้เก่าและใช้ดำเนินธุรกิจ อันดับเครดิตสะท้อนสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ตลอดจนการมีงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบจำนวนมาก ความสามารถในการรับงานก่อสร้างได้หลากหลายประเภททั้งในประเทศและต่างประเทศ การดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรโดยขยายสู่การผลิตวัสดุก่อสร้าง รวมถึงนโยบายภาครัฐที่จะลงทุนในการก่อสร้างสาธารณูปโภคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากความเสี่ยงของงานก่อสร้างในประเทศที่โดยทั่วไปมีลักษณะสัญญาแบบคงที่ ลักษณะของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีความผันผวน การแข่งขันที่รุนแรง และภาระหนี้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้น

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่ากำไรของ ITD จะปรับตัวดีขึ้นซึ่งจะส่งผลทำให้สถานะของผู้ถือหุ้นแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะดำเนินนโยบายการลดหนี้โดยนำเงินที่ได้จากการขายเงินลงทุนไปใช้ชำระหนี้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะมีความระมัดระวังในเรื่องโครงสร้างเงินทุนมากขึ้นเพื่อที่จะไม่ทำให้ภาพรวมทางการเงินอ่อนแอลงจากในปัจจุบัน

ITD เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สถานะผู้นำทางการตลาดของบริษัทมาจากการมีผลงานเป็นที่ยอมรับเป็นอย่างมาก การมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน การประหยัดจากขนาด ความสามารถในการผลิตวัตถุดิบสำคัญที่เพียงพอ การมีเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างที่ครบครัน และการมีวิศวกรและแรงงานมีฝีมือจำนวนมาก ในปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 45,623 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 3 เท่าของรายได้รวมของผู้ประกอบการอันดับสอง ธุรกิจของบริษัทแบ่งสายงานออกเป็น 9 ประเภท โดยมีสาขาในต่างประเทศ 3 แห่งคือประเทศไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินเดีย และมีบริษัทย่อยต่างประเทศ 3 แห่งในประเทศพม่า อินเดีย และอินโดนีเซีย แม้ว่ากลยุทธ์ในการขยายธุรกิจก่อสร้างไปในต่างประเทศจะช่วยให้บริษัทคงรายได้เอาไว้ได้ในช่วงธุรกิจก่อสร้างในประเทศชะลอตัว แต่กลยุทธ์ดังกล่าวก็มีความเสี่ยงในระดับหนึ่งจากการดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ณ วันที่ 9 กันยายน 2551 มูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบของทั้งกลุ่มคิดเป็น 100,185 ล้านบาทซึ่งรวมถึงโครงการชนะการประมูลที่รอลงนามในสัญญาจำนวน 26,127 ล้านบาท โดยประมาณ 67% ของงานในมือเป็นโครงการที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอินเดีย ลาว และอินโดนีเซีย

ผลการดำเนินงานของ ITD ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่น ผลิตภัณฑ์จากเหล็ก และน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้ เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 เป็นงานโครงสร้างและงานดินซึ่งอ่อนไหวต่อราคาเหล็กและน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 บริษัทได้มีการประเมินต้นทุนใหม่ในหลายๆ โครงการเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น โดยปรับราคาต้นทุนเหล็กไปอยู่ที่ 40 บาท/กิโลกรัมและน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 34 บาท/ลิตร นอกจากนี้ บริษัทยังบันทึกขาดทุนในโครงการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเทิน 2 อีกจำนวน 372 ล้านบาท อัตรากำไรจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำยังเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มสูงขึ้นจากการสำรองเผื่อความเสียหายของบริษัทย่อยและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เกิดจากบริษัทย่อยที่จัดตั้งใหม่หรือเพิ่งเริ่มดำเนินการ ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 ลดลงมาอยู่ที่ 4.9% เมื่อเทียบกับ 9.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2552 จะปรับตัวดีขึ้นจากการที่งานส่วนใหญ่ที่มีการลงนามในสัญญาในปี 2549 และ 2550 ในช่วงที่วัสดุก่อสร้างมีราคาต่ำจะมีปริมาณลดลงและถูกแทนด้วยสัญญาใหม่ที่สอดคล้องกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่มีราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ ประมาณ 81% ของงานก่อสร้างในมือของบริษัทยังเป็นงานของภาครัฐซึ่งบริษัทจะได้รับค่าชดเชยบางส่วนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาวัสดุก่อสร้างด้วย

บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STECON)

อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD)

อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

ITD099A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 706.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552 คงเดิมที่ BBB+

TD109A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง)

โทรศัพท์ 0-2231-3011 ต่อ 500 โทรสาร 0-2231-3012

E-mail: [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๔๐ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน สร้างชีวิต มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง
๑๖:๑๔ เฮงลิสซิ่ง จับมือ วิริยะประกันภัย เสนอ ประกันภัยอุ่นใจ ทางเลือกใหม่สำหรับประกันภัยคุ้มครองบ้าน
๑๖:๕๘ ม.วลัยลักษณ์-สมาคมกีฬาตะกร้ออาวุโส-สมาคมกีฬา จ.นครศรีฯ เอ็มโอยูเตรียมระเบิดศึกตะกร้อเยาวชนฮอนด้า ยูเนี่ยน
๑๖:๓๕ หลักสูตรการประยุกต์ใช้ NODE-RED ในงานอุตสาหกรรม เชื่อมต่อ CLOUD PLATFORM NEXIIOT
๑๖:๓๘ ม.วลัยลักษณ์ คว้า 2 รางวัลระดับโลก 3G Award 2024
๑๖:๓๖ YouTrip เปิดอินไซต์ช่วงหยุดยาวคนไทยแห่เที่ยว ญี่ปุ่น-จีน ยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 150%
๑๖:๕๗ คณะการท่องเที่ยวฯ DPU ให้ความสำคัญต่องานบริการ จัด HT Makeup Competition 2024 เพิ่มทักษะแต่งหน้าให้กับ นศ.
๑๖:๔๒ กิจกรรมดี ๆ สำหรับเยาวชนหญิงที่หลงใหลศิลปะการทำอาหาร ในโครงการ Women for Women (WFM) Internship Program ร่วมฝึกงานในร้านอาหารโพทง
๑๕:๒๒ ผู้ถือหุ้น CIVIL โหวตอนุมัติ จ่ายปันผล 0.012 บาท/หุ้น ทิศทางธุรกิจปี 67 เติบโตต่อเนื่อง
๑๕:๐๖ PRM จัดประชุม E-AGM ปี 67 อนุมัติจ่ายปันผล 0.26บ./หุ้น