นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยจำกัด (มหาชน) หรือ TMB Bank กล่าวว่า ในปี 2552 ธนาคารมีเป้าหมายที่จะบุกเบิกและให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการ และสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมและการศึกษาของเยาวชน โดยธนาคารจะเน้นบทบาทการเป็นธนาคารไทย ที่มีวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรระหว่างประเทศ ในการดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและสังคมโดยส่วนรวม โดยสามารถแบ่งรูปแบบบริการออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. บริการด้านการส่งเสริมความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การส่งเสริมความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม การดำเนินธุรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2. บริการด้านการส่งเสริมเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม โดยธนาคารมีแผนงานร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานพันธมิตรในการให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการจัดการสิ่งแวดล้อม และการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นต้น 3. บริการด้านการสนับสนุนทางการเงินด้านสิ่งแวดล้อม โดยการจัดหาแหล่งเงินช่วยเหลือพิเศษต่างๆ ทั้งด้านเงินกู้ดอกเบี้ยพิเศษ เงินช่วยเหลือให้เปล่า และการจัดหาผู้ร่วมทุน เป็นต้น
นายบุญทักษ์ ยังกล่าวอีกว่า ธนาคารมีความภาคภูมิใจที่ได้รับความไว้วางใจจากธนาคารโลกและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในการบริหารโครงการอนุรักษ์ชั้นบรรยากาศโอโซน ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลไทยได้ให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของอนุสัญญาเวียนนาและพิธีสารมอนทรีออล เมื่อปี 2532 เพื่อแสดงความรับผิดชอบและความร่วมมือกับนานาประเทศในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมโลก โดยเป้าหมายหลักคือการลดและเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนของภาคอุตสาหกรมต่างๆ ในประเทศไทย ธนาคารได้ทำหน้าที่ผู้บริหารการเงินโครงการลดและเลิกใช้สารทำลายโอโซนในประเทศไทยมากว่า 12 ปี โดยให้การสนับสนุนช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศกว่า 4,000 รายทั้งความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและเงินช่วยเหลือให้เปล่า ค่าอุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับใช้กับสารทดแทนชนิดใหม่ที่ไม่ส่งผลทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแก่บริษัทที่ปรึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นมูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท
ขณะนี้ธนาคารกำลังเร่งรณรงค์ส่งเสริม “โครงการลดและเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนในภาคการซ่อมบำรุงตู้เย็น / ตู้แช่ ที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ เพื่อลดและเลิกใช้สารทำความเย็น R-12” ร่วมกับ
กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และธนาคารโลก ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนให้เปล่าจากกองทุนพหุภาคี ภายใต้พิธีสารมอนทรีออล เป็นจำนวนกว่า 50 ล้านบาท ธนาคารจึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการ ร้านซ่อมตู้เย็น และตู้แช่ ทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการที่เป็นประโยชน์นี้ โดยสมัครเข้ารับการฝึกอบรมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 วัน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในวิธีการซ่อมบำรุง และการใช้สารทำความเย็นในภาคการซ่อมบำรุงฯ ผู้ประกอบการที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับบัตรกำนัลในการจัดซื้อชุดอุปกรณ์ซ่อมบำรุง 4 ชิ้น จากผู้แทนจำหน่ายที่เข้าร่วมโครงการ ฟรี!!มูลค่าชุดละกว่า 35,000 บาท คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการและรับมอบอุปกรณ์ฟรีดังกล่าวกว่า 1,000 รายทั่วประเทศ
ในการนี้ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน (วานนี้ ) ธนาคารทหารไทยได้ลงนามสัญญาจ้างผู้ประสานงานโครงการ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไทยจิตรเกษมแมชชินเนอรี่ จำกัด และบริษัท พีเอส เอ็ม ซี จำกัด เพื่อทำหน้าที่ติดต่อประสานงานระหว่างโครงการกับร้านซ่อมตู้เย็น/ตู้แช่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และตรวจติดตามผลการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการได้ที่สาขา ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทั่วประเทศ หรือติดต่อ สำนักงานใหญ่ โทร. 02 242 3912-3 หรือสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โทร. 02 245 4406 และส่วนอนุรักษ์โอโซน กรมโรงงานอุตสาหกรรม โทร.02 202 4228 ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงเดือนมกราคม 2552
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500 ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ และประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง โดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ วาณิชธนกิจและธุรกิจอื่นๆ เช่น การเป็นตัวแทนจำหน่ายประกัน
ธนาคารมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าประเภทต่างๆ ผ่านเครือข่ายสาขารวมทั้งสิ้น 470 สาขา สำนักงานแลกเปลี่ยนเงิน 110 แห่ง เครื่องเอทีเอ็มจำนวน 1,864 เครื่อง รวมทั้งให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆ
ธนาคารทหารไทย เป็นธนาคารที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีสินทรัพย์รวม 592,987 ล้านบาท (ณ วันที่ 30 ก.ย. 51) นับเป็นธนาคารที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิเป็นอันดับหกในระบบธนาคารพาณิชย์ของไทย
สำนักสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร
รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 242 3255/ 02 242 3260 / 085 813 3020