ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บ. เอ็ม บี เค” ที่ระดับ “A-/Stable”

ศุกร์ ๐๙ มกราคม ๒๐๐๙ ๐๘:๓๐
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการมีศูนย์การค้าใจกลางเมืองที่เป็นที่รู้จักซึ่งมีการสัญจรของลูกค้าจำนวนมากและมีกระแสเงินสดที่แน่นอน ตลอดจนความสามารถในการระดมทุนโดยการให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าระยะยาว (เซ้ง) หลังจากที่บริษัทต่อสัญญาเช่ากับเจ้าของศูนย์การค้าแล้ว อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากค่าเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าที่บริษัทจะต้องจ่ายในอนาคตข้างหน้าซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากภายหลังจากที่สัญญาเดิมจะหมดอายุลงในปี 2556 และแผนการขยายธุรกิจในอนาคตในภาวะที่เศรษฐกิจอาจไม่เอื้ออำนวย ทั้งนี้ นอกจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว นโยบายการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องในกิจการที่มิใช่ธุรกิจหลักของบริษัทซึ่งต้องใช้เงินลงทุนและการกู้ยืมสูงยังเป็นประเด็นกังวลเพิ่มเติมด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัท เอ็ม บี เค จะยังคงสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนจากศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ และแม้ว่าบริษัทจะมีรายจ่ายฝ่ายทุนที่ค่อนข้างสูงมากสำหรับแผนการขยายกิจการในระหว่างปี 2552-2553 แต่ก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาระดับเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่ให้เกิน 50% ภายในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า โดยอันดับเครดิตของบริษัทมีแนวโน้มถูกปรับลดลงหากบริษัทยังดำเนินนโยบายการลงทุนในกิจการที่มิใช่ธุรกิจหลักต่อไป

ทริสเรทติ้งรายงานว่าบริษัท เอ็ม บี เค ก่อตั้งในปี 2517 โดยปัจจุบันมี บริษัท ทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือเป็นผู้ถือหุ้นหลักในสัดส่วนรวมกัน 21% บริษัทบริหารจัดการ “ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์” ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงใจกลางกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังดำเนินธุรกิจโรงแรม สนามกอล์ฟ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย และโรงสีข้าวด้วย แม้จะดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย แต่ผลประกอบการของบริษัทยังคงพึ่งพาศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เป็นหลัก ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ และโรงแรมปทุมวันปริ๊นเซสถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญของบริษัทซึ่งมีทำเลที่ตั้งอยู่บนที่ดินเช่าใจกลางเมือง โดยในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้และกระแสเงินสดให้แก่บริษัทถึงประมาณ 45% และ 70% ตามลำดับ เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของรายได้ บริษัทได้ขยายการลงทุนในธุรกิจพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มขึ้นโดยการซื้อกิจการ “ศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์” ซึ่งตั้งอยู่รอบนอกพื้นที่กรุงเทพฯ และวางแผนพัฒนาศูนย์การค้าในรูปแบบคอมมิวนิตี้มอลล์ของตนเป็นแห่งแรกบนถนนพระราม 9 การลงทุนทั้ง 2 โครงการซึ่งควบคู่ไปกับการขยายตัวในธุรกิจโรงแรม สนามกอล์ฟ และการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากซึ่งจะส่งผลให้อัตราการกู้ยืมของบริษัทเพิ่มขึ้นแม้ว่าในบางโครงการจะมีการหาผู้ร่วมลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงแล้วก็ตาม

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ โดยมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงระดับ 5,800 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2550/2551 จากเดิมที่ 5,220 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2549/2550 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากบริษัทได้รับประโยชน์จากอัตราค่าเช่าจากสัญญาเช่าปัจจุบันที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทคงที่ในระดับ 36%-39% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงอย่างมากจาก 49% ในรอบปีบัญชี 2549/2550 เหลือ 12% (ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) ในไตรมาสแรกของปีบัญชี 2551/2552 สืบเนื่องจากยอดเงินกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปีบัญชีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนกระแสเงินสดต่อภาระหนี้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากบริษัทมีการกู้ยืมเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปขยายกิจการทั้งในธุรกิจหลักและในธุรกิจรอง ซึ่งการลดลงของอัตราส่วนดังกล่าวเป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งเคยคาดการณ์ไว้และได้นำไปประกอบการพิจารณาอันดับเครดิตแล้ว

ล่าสุด ทริสเรทติ้งได้ปรับลดอันดับเครดิตของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากผลของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่เอื้ออำนวยและความไม่มีเสถียรภาพของการเมืองภายในประเทศ ซึ่งภาวะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโรงแรมโดยตรงในอนาคตระยะใกล้จนถึงระยะปานกลาง ในส่วนของธุรกิจศูนย์การค้าที่แม้จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าก็ตาม แต่ผู้ประกอบการยังคงต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซาซึ่งจะเป็นอุปสรรคทำให้ไม่สามารถขึ้นราคาค่าเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าได้ สำหรับธุรกิจของบริษัทนั้นจะต้องเผชิญกับความยากลำบากยิ่งกว่าปีที่ผ่านมาเนื่องจากศูนย์การค้าและโรงแรมของบริษัทพึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นสำคัญ และเนื่องจากการลงทุนในกิจการที่มิใช่ธุรกิจหลักที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตได้ จึงคาดว่าบริษัทจะมีความระมัดระวังในการลงทุนดังกล่าวมากขึ้น ในรอบปีบัญชี 2550/2551 บริษัทมีการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและให้กู้ยืมแก่กิจการที่มิใช่ธุรกิจหลักไปแล้วกว่า 1,500 ล้านบาทเมื่อเทียบกับเงินทุนที่ได้จากการดำเนินงานในระดับ 1,200-1,300 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา การใช้เงินลงทุนในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงถึง 24% ของสินทรัพย์รวมสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายการลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่บริษัทไม่มีส่วนในการบริหารงานโดยตรงในสัดส่วนที่สูงขึ้น ทั้งนี้ การลงทุนในกิจการที่มิใช่ธุรกิจหลักในสัดส่วนที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพเครดิตของบริษัทในระยะสั้นได้

บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK)

อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

MBK108A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A-

MBK117A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง