นักวิชาการรวมตัวตั้ง“ชมรมนมสร้างชาติ” ผลักดันแก้ปัญหานมทั้งระบบ

อังคาร ๓๑ มีนาคม ๒๐๐๙ ๑๔:๓๙
กลุ่มนักวิชาการด้านกิจการโคนมรวมพลังจัดตั้ง “ชมรมนมสร้างชาติ” หวังผลักดันผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน แก้ปัญหานมทั้งระบบ พร้อมชวนคนไทยร่วมพัฒนากิจการโคนมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้ที่ www.milkforthai.org

นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในฐานะ ผู้ก่อตั้งชมรมนมสร้างชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ จากสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย สัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาร่วมกันก่อตั้ง “ชมรมนมสร้างชาติ” ขึ้น โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนากิจการ โคนมไทยให้เติบโตเข้มแข็ง เป็นรากฐานการสร้างชาติ เนื่องจากสถานการณ์การเลี้ยงโคนมไทยกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต ดังจะเห็นได้จากการเกิดปัญหาน้ำนมล้นตลาด คุณภาพนมโรงเรียนไม่ได้มาตรฐาน นมผงที่ราคาถูกกำลังทะลักเข้าสู่ประเทศไทย

โดยเบื้องต้นทางชมรมฯได้เริ่มสำรวจข้อมูลประชากรวัวที่แท้จริง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนากิจการโคนมคือบริหารจัดการปริมาณน้ำนมดิบในประเทศ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างปริมาณการผลิตและความต้องการใช้น้ำนมดิบ โดยให้เด็กอาชีวะที่อยู่ในพื้นที่ทำการศึกษา ประมาณ 150 คน ร่วมกับอาจารย์ เก็บข้อมูลจากเกษตรกรโดยตรง และขอจำนวนวัวที่เลี้ยงจากภาคเอกชนโดยตรง จากจำนวนฟาร์มใน 12 จังหวัดที่เลี้ยงโคนมหนาแน่น อาทิ สระบุรี ราชบุรี เป็นต้น

“ขณะเดียวกันชมรมนมสร้างชาติยังได้จัดทำข้อเสนอเพื่อการพัฒนากิจการโคนมไทย ให้เติบโตเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยปัจจัยสำคัญที่เห็นควรเร่งดำเนินการแก้ไข คือ การทบทวนแก้ไข พ.ร.บ. นมและผลิตภัณฑ์นม ที่นับเป็น “เสาหลัก”ในการพัฒนากิจการโคนม เป็นสิ่งกำหนดความอยู่รอดและความล่มสลายของเกษตรกรโคนม กฎหมายดังกล่าวนี้เป็นกลไกหลักที่จะก่อให้เกิดกระบวนการพัฒนาและรักษาประโยชน์และให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนมทั้งระบบ” นายวีระศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ชมรมนมสร้างชาติยังเห็นควรให้มีการกำหนดบทบาทองค์กร และกลุ่มเกษตรกรที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการโคนมให้ชัดเจนมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความเป็นเอกภาพให้กับองค์กรนั้นๆ ดังนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ควรรวมศูนย์นมสหกรณ์ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.สหกรณ์ ซึ่งกำหนดให้มีชุมนุมสหกรณ์เพียงแห่งเดียว ในประเทศไทย กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงควรดำเนินการให้มีการรวมชมรมสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมแห่งประเทศไทยให้มาอยู่ในชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย

องค์การส่งเสริมกิจการโคนม (อ.ส.ค) ต้องเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการพัฒนาโคนมทั้งระบบ พร้อมทั้งควรกลับไปใช้ชื่อเดิม คือ “องค์การส่งเสริมโคนมแห่งประเทศไทย” เพื่อหลีกเลี่ยงบทบาทในการดำเนินธุรกิจที่แข่งขันกับกลุ่มสหกรณ์ และเอกชน

กรมปศุสัตว์ ควรดำเนินบทบาทหลักในการเร่งรัดการพัฒนาสายพันธุ์โคนมที่มีคุณภาพ รวมทั้งจัดระบบการดูแลสุขภาพโคนมอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการบริหารจัดการโครงการนมโรงเรียนนั้น นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ชมรมนมสร้างชาติมีข้อเสนอเพื่อการปรับปรุงดังนี้ 1) ควรให้ อ.ส.ค.และผู้ประกอบการแปรรูปนมพาสเจอร์ไรส์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเท่านั้นเป็นผู้มีสิทธิ์จำหน่ายในตลาดนมโรงเรียน 2)ไม่ควรให้ผู้ประกอบการแปรรูปนมรายใหญ่ (ผลิตนม UHT) มาเกี่ยวข้องกับตลาดนี้ แต่ควรไปแข่งขันในตลาดพาณิชย์ตามระดับการลงทุนและศักยภาพที่มีสูง 3) การบริหารความต้องการใช้นมดิบ ควรมาจากข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน และสะท้อนสภาพนมในตลาด

4) กำหนดให้มีคณะกรรมการระดับจังหวัด ดูแลมาตรฐานโรงงานแปรรูปขนาดเล็ก ตั้งแต่กระบวนการผลิต จนถึงการจัดจำหน่าย โดยมีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการผลิตที่มีมาตรฐาน และเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพ 5)พัฒนาโรงนมขนาดเล็ก (พาสเจอร์ไรส์) ให้ได้มาตรฐาน โดยให้โรงนมขนาดใหญ่มีส่วนร่วมในการพัฒนา หากโรงงานนมขนาดเล็กไม่สามารถพัฒนาให้มีมาตรฐานตามกำหนดเวลา ควรมีบทลงโทษให้เลิกกิจการ 6) ควรจัดกลุ่มพื้นที่ (Zoning) ในการจัดส่งน้ำนมดิบ และการจำหน่าย เพื่อให้เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เพื่อการลดต้นทุน และควบคุมคุณภาพ

และ 7) สร้างเครือข่ายในการเฝ้าระวัง ให้ความรู้ และตรวจสอบคุณภาพนมโรงเรียน เช่น สถาบันการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิ และกลุ่มผู้ปกครอง

“การรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากอัตราการบริโภคนมของคนไทยยังต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นคือเฉลี่ยคนละ 13.36 กิโลกรัมต่อปี ขณะที่สหรัฐอเมริกามีอัตราการบริโภคเฉลี่ยประมาณ 250 กิโลกรัมต่อคนต่อปี และในอาเชียนมีอัตราการบริโภคเฉลี่ยประมาณ 40 กิโลกรัมต่อคนต่อปี การรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนเพื่อให้หันมาบริโภคนมเพิ่มมากขึ้นในทุกเพศทุกวัยจึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น ที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” นายวีระศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ชมรมนมสร้างชาติได้จัดทำเว็บไซต์ www.milkforthai.org ขึ้น เพื่อเผยแพร่ความรู้ข้อมูล ข่าวสารในอุตสาหกรรมนมไทย และเป็นเวทีกลางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้รู้และมีประสบการณ์ รวมถึงรับสมัครสมาชิกชมรมฯ เพื่อรวมพลังพัฒนากิจการโคนมไทย

ขอขอบคุณในการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์

รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อบริษัท คิธ แอนด์ คิน ฯ จำกัด

คุณปาณิสรา โทร.02 663 3226 ต่อ 62

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 663 3226 ต่อ 62 คุณปาณิสรา

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง