นักวิชาการชี้พายุลูกเห็บขนาดใหญ่ เกิดจากความแปรปรวนของอากาศที่รุนแรง

ศุกร์ ๐๓ เมษายน ๒๐๐๙ ๑๖:๓๖
จากกรณีการเกิดพายุลูกเห็บพัดถล่มในหลายพื้นที่ของประเทศไทย สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและที่ทำกินของประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งในบางพื้นที่ยังพบลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าผลส้มเขียวหวานถล่มใส่บ้านเรือน ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่พบได้ไม่บ่อยนัก ดร. อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ปรึกษาด้านวิชาการศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. ให้สัมภาษณ์ว่า พายุลูกเห็บที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เป็นผลจากความแปรปรวนของอากาศที่รุนแรงในบริเวณแนวรอยต่อของมวลอากาศในภาคเหนือตอนล่างและภาคอีสานตอนล่าง ซึ่งเกิดจากการที่มวลอากาศร้อนชื้นที่เคลื่อนที่จากทางใต้มาปะทะกับอากาศที่แห้งเย็นจากทางเหนือ โดยปกติเมื่อมีการปะทะกันมวลอากาศเย็นจะพยายามมุดตัวเข้าไปใต้มวลอากาศร้อน แต่ในครั้งนี้กลับกัน เป็นมวลอากาศร้อนมุดตัวเข้าไปใต้อากาศเย็น ทำให้เกิดความไม่เสถียร มวลอากาศร้อนจะพยายามยกตัวขึ้นด้านบน แต่ถูกมวลอากาศเย็นกดไว้ คล้ายกับการเอามือกวนในน้ำ ทำให้เกิดความแปรปรวนของอากาศหย่อมเล็กๆในหลายบริเวณ เป็นผลให้มีพายุลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ “พายุลูกเห็บ เกิดภายในก้อนเมฆฝนฟ้าคะนองหรือเมฆคิวมูโลนิมบัสขนาดใหญ่เท่านั้น โดยภายในก้อนเมฆจะมีกระแสลมพัดขึ้นแนวตั้งอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเมื่อไอน้ำเริ่มกลั่นตัวเป็นหยดน้ำก็จะถูกพัดให้ลอยสูงขึ้นจนถึงจุดที่มีระดับอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หยดน้ำจะแข็งตัวกลายเป็นก้อนน้ำแข็งตกลงมาด้านล่าง ทำให้มีน้ำมาเกาะใหม่ แต่ด้วยกระแสลมที่แรงมาก จึงพัดเม็ดน้ำแข็งให้ลอยกลับขึ้นไปอีก น้ำที่เกาะน้ำแข็งก็กลายเป็นน้ำแข็งชั้นใหม่ โดยเม็ดน้ำแข็งนี้จะถูกพัดขึ้นๆลง ๆ สะสมเพิ่มเป็นชั้นๆ จนกระทั่งเม็ดน้ำแข็งมีขนาดใหญ่และหนักเกินกว่ากระแสลมจะพยุงไว้ได้ ก็จะตกลงมาเป็นลูกเห็บ ส่วนขนาดของลูกเห็บจะมีขนาดใหญ่ขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของเม็ดฝนตั้งต้นและระยะเวลาที่ลมพัดหมุนวนอยู่ภายในก้อนเมฆ”

ดร.อานนท์ กล่าวว่า พายุลูกเห็บที่เกิดขึ้นแม้ไม่ได้เกิดจากภาวะโลกร้อนโดยตรง แต่หากบอกว่าไม่เกี่ยวข้องเลยก็คงไม่ได้ เพราะภาวะโลกร้อนโดยรวมมีผลให้สภาพอากาศเกิดความแปรปรวน หรือ มีความผิดของสภาพอากาศที่มีจำนวนถี่มากขึ้น ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนเมื่อปีที่แล้ว ก็เกิดพายุลูกเห็บที่รุนแรงเช่นนี้เหมือนกัน แต่ก็ยังตอบไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นเรื่องความบังเอิญของสภาพอากาศ หรือเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะยังอยู่ในกระบวนการเก็บข้อมูล แต่กระนั้นการเก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในประเทศไทยก็ยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องอาศัยข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูลที่ต่างกัน เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา มีการเก็บข้อมูลเพื่อการพยากรณ์อากาศ ขณะที่กรมทรัพยากรน้ำหรือกรมชลประทาน เก็บข้อมูลเพื่อใช้ในการบริหารจัดการน้ำเป็นหลัก ส่งผลให้ความถูกต้อง วิธีการ และการควบคุมคุณภาพข้อมูลบางครั้งไม่ได้ตามมาตรฐาน ที่จะนำมาใช้วิจัยในการหาข้อสรุปที่แน่ชัดว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากขึ้นหรือมีความถี่ในการเกิดบ่อยครั้งนั้นเป็นผลพลวงมากจากภาวะโลกร้อนหรือไม่

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน