เจ็บหน้าอก อาการที่รอช้าไม่ได้ อาการเจ็บหน้าอกอาจหมายถึงชีวิต หากไม่รีบส่งผู้ป่วยให้ถึงมือแพทย์

จันทร์ ๑๑ พฤษภาคม ๒๐๐๙ ๑๑:๓๙
ทุกครั้งที่มีคนบ่นว่าเจ็บหน้าอก หลายคนจะนึกถึงโรคหัวใจ แต่น้อยคนนักที่จะนึกต่อได้ว่าเกิดสถานการณ์วิกฤตเข้าแล้ว และต้องนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด อันที่จริง สาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกอาจเป็นไปได้หลายประการ แต่ความเป็นไปได้ที่ร้ายแรงที่สุด คือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack) หรือที่เรียกกันว่า หัวใจวาย นั่นเอง

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจัดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของประชากรทั่วโลก สำหรับประเทศไทย โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเป็น 1 ใน 3 สาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดใกล้เคียงกับการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และโรคมะเร็ง

แม้อัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบซึ่งนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจะสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเกิดอาการแล้ว ผู้ป่วยจะต้องเสียชีวิตเสมอไป สิ่งที่จะ “ชี้เป็นชี้ตาย” ในสถานการณ์วิกฤตนี้คือผู้ป่วยถึงมือแพทย์ได้เร็วเพียงใด

แต่ปัญหาคือ โดยมากผู้ป่วยและคนรอบข้างมักไม่ทราบว่าควรทำอย่างไร และอาการเจ็บหน้าอกนั้นร้ายแรงถึงชีวิตเสมอไปหรือไม่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเรื่องภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและสัญญาณเตือนต่าง ๆ บทความนี้มีคำแนะนำจาก นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัต อายุรแพทย์โรคหัวใจ ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มาฝากกัน

รู้จักกับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

สาเหตุที่สำคัญของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากมีไขมันสะสมเพิ่มพูนขึ้นภายในผนังหลอดเลือด เมื่อเวลาผ่านไป ไขมันที่สะสมอยู่จะรวมตัวกันมากขึ้นจนเป็นแผ่นหนา ส่งผลให้หลอดเลือดที่ปกติจะสามารถยืดหดได้ตามความดันโลหิต สูญเสียความยืดหยุ่นและเสี่ยงต่อการปริแตกได้ง่าย ทั้งนี้ เมื่อเกิดความผิดปกติต่าง ๆ ขึ้นกับหลอดเลือด หากไม่ระวังดูแลตัวเองให้ดี อาจนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันในที่สุด

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน และมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของหลอดเลือดแดงซึ่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันมักจะเกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดแดงโคโรนารี (Coronary Artery) เกิดการอุดตันอย่างฉับพลันจนไม่สามารถส่งผ่านเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจได้ กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนจะเริ่มตาย หากไม่รีบเปิดทางเดินของหลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจจะถูกทำลายมากขึ้น และหัวใจก็จะหยุดทำงานในที่สุด นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัตอธิบาย

“เมื่อเส้นทางลำเลียงเลือดภายในหลอดเลือดแคบลง เนื่องจากมีไขมันเกาะตัวหนาอยู่บริเวณผนังหลอดเลือด ในขั้นเริ่มแรก ผู้ป่วยจะไม่มีอาการอะไรแสดงออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลอดเลือดหัวใจตีบลงมากขึ้น ผู้ป่วยอาจเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเมื่อออกแรง ออกกำลังกาย หรือทำอะไรรีบ ๆ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อลำเลียงเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ให้เพียงพอนั่นเอง” นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัตกล่าวต่อ

อย่ารอช้าเมื่อมีสัญญาณเตือน

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันนั้น อาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้โดยมีอาการแตกต่างกันออกไปในแต่ละราย ซึ่งอาอาการบอกเหตุของผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายที่สามารถสังเกตได้มีดังนี้

- เจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ มากดทับ

- จุกแน่นหรือแสบบริเวณลิ้นปี่

- หายใจสั้น หอบ

- อาจมีอาการเจ็บร้าวที่บริเวณแขน คอ ไหล่ และกราม

- เหงื่อออกท่วมตัว

- คลื่นไส้ หน้ามืด ใจสั่น

“อาการเจ็บแน่นหน้าอกถือว่าเป็นอาการนำของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ซึ่งโดยมากมักจะเกิดร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เหงื่อออก หายใจหอบ ปวดร้าวไปที่แขนข้างเดียว หรือทั้งสองข้างไปจนถึงคอ และกราม” นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัตเล่า “ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 20 ถึง 30 นาที แต่ถ้าหากมีอาการอยู่ตลอดต้องถือว่าเป็นสัญญาณวิกฤตของอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ตอนนี้ ผู้ป่วยต้องรีบไปพบแพทย์ หรือเรียกรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาลทันที หรือภายใน 4 ชั่วโมง”

สาเหตุที่ต้องส่งผู้ป่วยให้ถึงแพทย์โดยเร็วนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟู ทำการรักษาให้เลือดไหลกลับไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโดยเร็วที่สุด นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัต เสริมว่า “เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งจะเริ่มตาย และเมื่อกล้ามเนื้อหัวใจตายแล้วก็ไม่สามารถฟื้นฟูหรือสร้างใหม่ได้ ดังนั้น ถ้าสามารถปกป้องกล้ามเนื้อหัวใจมิให้ถูกทำลายได้มาก โอกาสรอดชีวิตก็มีสูง”

สาเหตุใหญ่ที่ผู้ป่วยตัดสินใจมาโรงพยาบาลช้ามักเกิดจากความไม่แน่ใจว่าใช่อาการเตือนหรือไม่ หรือคิดว่าเป็นโรคอื่น รวมทั้งเกรงว่าจะ “ขายหน้า” หากไม่ได้มีอาการขั้นวิกฤตจริง “การนำผู้ป่วยมาส่งแพทย์ทันทีมีแต่ได้ประโยชน์ เพราะแม้ผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤตจากการที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แพทย์ก็จะสามารถวินิจฉัยได้ว่าอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ในบรรดาผู้ที่เสียชีวิตด้วยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ราว ๆ ร้อยละ 50 เสียชีวิตภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการ เพราะฉะนั้นทั้งผู้ป่วย และคนรอบข้างจำเป็นต้องทราบว่าอาการใดที่เป็นสัญญาณเตือนบ้าง แม้แต่เพียงสงสัยก็ไม่ควรรอช้า” นพ.วิสุทธิ์ วิเวกาภิรัต ย้ำ

เมื่อผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล แพทย์จะทำการแก้ไขการอุดตันของหลอดเลือด ซึ่งทำได้โดยการใช้ยา หรือทำบอลลูนขยายหลอดเลือด หรือทั้ง 2 วิธีควบคู่กัน ระหว่างที่เกิดอาการอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน คืออาการหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง หรือ Ventricular Fibrillation ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วนั้น อาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอาจไม่ได้หมายถึงชีวิตเสมอไป หากคุณทราบ เข้าใจและรับมือได้ทันท่วงที ความรู้เท่าทันของคุณ อาจช่วยชีวิตคนใกล้ชิด หรือแม้แต่ตัวคุณเองไว้ได้

ข้อมูลจากศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2667 2000

สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แผนกประชาสัมพันธ์

โทร 0 2667 2212 e-mail: [email protected]

www.bumrungrad.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๔๔ MASTER หุ้นน้ำดีที่ผู้ถือหุ้นเชื่อมั่น ปักธงแผนย้ายเข้า SET
๑๕:๐๔ แม็คโคร-โลตัสผนึกกำลัง รับซื้อผลไม้ไทยกว่า 65 ล้านกิโลกรัม กระจายผลผลิตผ่านทุกสาขาทั่วไทย สนับสนุนเกษตรกรมีรายได้ยั่งยืน
๑๖:๓๓ สเก็ตเชอร์ส จัดกิจกรรม SKECHERS RUNNING WORKSHOP 2024 ครั้งที่ 18 พร้อมทดสอบรองเท้าวิ่งคอลเล็กชันใหม่ Skechers GO RUN(R) Supersonic
๑๖:๔๘ WMC จัดประชุมวิชาการ พร้อม MOU ส่งต่อผู้ป่วยมะเร็ง
๑๖:๓๓ เกษตรหนองหญ้าปล้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตทุเรียนและสถานการณ์น้ำในพื้นที่
๑๖:๓๓ แต่งตั้ง ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ หม่ำแซ่บXปุ้มปุ้ย เตรียมวางตลาดพฤษภาคมนี้
๑๖:๐๑ เปิดอาณาจักร ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM เครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร สินค้าแบรนด์ดังกว่า 1,000 แบรนด์ จาก 300 บริษัททั่วโลก มายาวนานกว่า 35
๑๖:๑๔ JUNGCEYLON Welcome Golden Spender!
๑๕:๐๐ อิเกียชวนทุกคนสนุกสดใสกับอากาศร้อนจนสุขกับสินค้าคอลเล็คชั่น STRAND?N/สแตรนด์ดัน และ BR?GGAN/เบริกกัน
๑๕:๑๙ อีมิแน้นท์แอร์ x แบรนด์ไทย แจกไอศกรีมงานวิ่งการกุศล