ชื่อของ กุสตาฟ มาห์เลอร์ (Gustav Mahler) ค.ศ. ๑๘๖๐-๑๙๑๑ คีตกวีชาวออสเตรียอาจจะไม่เป็นที่รู้จักกว้างขวางในหมู่คนไทยเท่ากับเบโธเฟนหรือโมสาร์ท แต่ในหมู่นักดนตรีคสาสสิกแล้ว เป็นที่ทราบกันดีว่ามาห์เลอร์เป็นคีตกวีที่เปี่ยมด้วยอัจฉริยภาพด้านดนตรี และได้ฝากผลงานการประพันธ์ซิมโฟนีไว้ถึง ๑๐ บทเพลงด้วยกัน
มาห์เลอร์เกิดในครอบครัวชาวยิว ในประเทศเช็คโกสโลวาเกีย เป็นบุตรชายคนที่สองจากจำนวนทั้งสิ้น ๑๔ คน ทว่ารอดชีวิตเพียง ๖ คนเท่านั้น แม้บิดาของมาห์เลอร์จะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่เขาก็เป็นผู้ที่ส่งเสริมผลักดันให้มาห์เลอร์เข้าสู่โลกของตัวโน้ตเมื่อพบว่าลูกชายตัวน้อยเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ด้านดนตรี
มาห์เลอร์ในวัยเด็กฉายแววทางด้านดนตรีตั้งแต่อายุเพียง ๔ ขวบ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เขาหัดเล่นคือ แอคคอร์เดี้ยน จนเมื่ออายุ ได้ ๖ ปี มาห์เลอร์ก็ได้รู้จักกับเปียโน เขาค้นพบเปียโนหลังเก่าบนห้องใต้หลังคาของปู่ และพยายามหัดเล่นด้วยตนเอง พ่อของเขาจึงจัดหาครูมาสอนเปียโนให้ ว่ากันว่าเหตุที่พ่อของมาห์เลอร์สนับสนุนการเรียนดนตรีของลูกชายเพราะคิดว่าอาชีพนักดนตรีจะช่วยสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้
อย่างไรก็ตาม มาห์เลอร์ก็มีความสุขในโลกของดนตรีคสาสสิก เขามีโอกาสได้ศึกษาในสิ่งที่เขารักตั้งแต่เยาว์วัยเรื่อยมาและเริ่มศึกษาอย่างจริงจังเมื่ออายุ ๑๕ ปี โดยเข้าเรียนที่สถาบันการดนตรีแห่งเวียนนา (Vienna Conservatory) โดยมีอาจารย์ Julius Epstein เป็นทั้งครูผู้สอนและผู้อุปถัมภ์ตลอดมา ณ สถาบันการดนตรีแห่งเวียนนา มาห์เลอร์ได้เรียนเปียโน การประสานเสียง และการประพันธ์เพลง และจบการศึกษาด้วยคะแนนเกียรตินิยม
ชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของมาห์เลอร์ ณ มหาวิทยาลัยเวียนนา ยังคงมีเสียงเพลงเป็นส่วนหนึ่งของ การเรียน เขาเลือกเรียนประวัติศาสตร์ ปรัชญา และดนตรี นอกจากนั้น เขายังสมัครเป็นอาจารย์สอนดนตรีและในช่วงนี้เองที่มาห์เลอร์ได้เริ่มประพันธ์บทเพลงแรกขึ้นชื่อ Das klagende Lied (Song of Lamentation)
เขาเริ่มอาชีพการทำงานด้วยการเป็นวาทยากรจากสถาบันดนตรีเล็ก ๆ ค่อย ๆ เก็บสั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียง จนในที่สุดมาห์เลอร์ก็ได้เป็นผู้อำนวยเพลงชื่อดัง เป็นที่ยอมรับจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม เมื่ออายุได้ ๓๗ ปี มาห์เลอร์ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวง Vienna Opera ซึ่งนับเป็นตำแหน่ง ทรงเกียรติสูงสุดในวงการดนตรีของเวียนนา
กุสตาฟ มาห์เลอร์ นับเป็นคีตกวีในยุคโพสต์-โรแมนติกที่สำคัญท่านหนึ่ง เขาได้ประพันธ์บทเพลงซิมโฟนี ไว้ถึง ๑๐ เพลง แม้ในช่วงที่ยังมีชีวิต บทเพลงของเขาจะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการดนตรีเวียนนา เท่าใดนัก เมื่อเขาเสียชีวิตด้วยวัยเพียง ๕๑ ปีด้วยโรคหัวใจ โลกถึงได้รู้ว่าได้สูญเสียคีตกวีที่ยิ่งใหญ่ของโลกไปอีกคนหนึ่งแล้ว
เพื่อน้อมรำลึกพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ ที่ทรงให้การสนับสนุนการศึกษาดนตรีคลาสสิกในประเทศไทย และพระปรารภที่มีพระประสงค์ให้ ประเทศไทยมีสถาบันดนตรีแบบ Conservatory จนเกิดเป็นสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาในที่สุด ทางสถาบันฯ จึงได้จัดการแสดงคอนเสิร์ตซิมโฟนี ออร์เคสตร้า โดยคัดเลือกบทเพลงของคีตกวีเอกชาวออสเตรีย “กุสตาฟ มาห์เลอร์” หนึ่งในคีตกวีที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงโปรด
สำหรับผู้อำนวยการเพลงคือ มร.ฮิโคทาโร ยาซากิ และมีนักร้องรับเชิญที่จะมาโชว์พลังเสียงโซปราโน Katrin Starick ใน Symphony No.4 ของกุสตาฟ มาห์เลอร์ เป็นการแสดงครั้งยิ่งใหญ่ ของบทเพลงนี้ในประเทศไทยด้วยวงดุริยางค์สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา การแสดงประกอบด้วยนักดนตรีจำนวน ๘๐ คน โดยก่อนการแสดงคอนเสิร์ตจะมีการเสวนาที่เกี่ยวเนื่องกับซิมโฟนีบทนี้โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.เจตนา นาควัชระ และ ธเนศ วงศ์ยานนาวา ในเวลา ๑๙.๐๐ น.
ร่วมน้อมรำลึกพระกรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กับ คอนเสิร์ตซิมโฟนี ออร์เคสตร้า กุสตาฟ มาห์เลอร์ วันจันทร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ ณ หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ถนนรัชโยธิน เวลา ๒๐.๐๐ น. บัตรมีจำหน่ายตั้งแต่ราคา ๒๐๐/๕๐๐ และ ๘๐๐ บาทพร้อมเปิดจำหน่ายบัตรแล้วตั้งแต่วันนี้ จนถึง ๑๔ มิถุนายน ศกนี้ ที่ Thaiticketmajor ทุกสาขา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ call center โทร. ๐๒ ๒๖๒ ๓๔๕๖หรือ www.thaiticketmajor.com
บริษัท พับบลิค ฮิต จำกัด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2525699