พม.จัดโครงการสู่มาตุภูมิ ครั้งที่ ๖ ระหว่าง ๑๙ — ๒๕ ก.ค.นี้ รับขวัญลูกหลานไทยกลับสู่แผ่นดินแม่

ศุกร์ ๑๐ กรกฎาคม ๒๐๐๙ ๑๕:๑๗
พม. แถลงข่าวจัดโครงการสู่มาตุภูมิ ครั้งที่ ๖ ระหว่าง ๑๙ — ๒๕ ก.ค.นี้ รับขวัญลูกหลานไทยกลับสู่แผ่นดินแม่ เรียนรู้ตัวตน ภาคภูมิใจในความเป็นไทย

ที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานโครงการสู่มาตุภูมิ ครั้งที่ ๖ (The Nativeland Visit Program VI) เพื่อให้เด็กไทยที่เป็นบุตรบุญธรรมในครอบครัวชาวต่างประเทศได้เดินทางกลับมาเยี่ยมประเทศบ้านเกิด รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมความเป็นไทย ระหว่างวันที่ ๑๙ — ๒๕ ก.ค.นี้ มีเด็กพร้อมครอบครัว จาก ๑๔ ประเทศ และผู้แทนจากองค์การสวัสดิภาพเด็กต่างประเทศชาวต่างประเทศ กว่า ๓๐๐ คน ร่วมกิจกรรม

นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ปัญหาการทอดทิ้งเด็กในประเทศไทย ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะวิกฤตของสังคมและเศรษฐกิจ ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของสถาบันครอบครัว เกิดปัญหาครอบครัวแตกแยก ล่มสลาย เด็กไม่ได้รับความอบอุ่น เกิดปัญหาสังคมอื่น ๆ ตามมา เช่น การตั้งครรภ์นอกสมรสหรือไม่พึงประสงค์ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ความไม่พร้อมในการเลี้ยงดูบุตร ทำให้เกิดการทอดทิ้งเด็ก ทั้งในโรงพยาบาล สถานที่สาธารณะ ผู้รับจ้างเลี้ยง/ญาติ เป็นต้น ที่ผ่านมา กระทรวงฯได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ป้องกันปัญหามารดาทอดทิ้งบุตรภายหลังคลอดในโรงพยาบาล รวมทั้งให้การช่วยเหลือดูแลอุปการะเด็กที่พ่อแม่ไม่มีความพร้อมเป็นการชั่วคราวและถาวร ส่วนเด็กที่ถูกทอดทิ้ง เมื่อรับเข้าไว้ในความอุปการะแล้วก็จะติดตามสืบหาครอบครัวเดิม เพื่อส่งเด็กคืนให้กับครอบครัว หรือญาติโดยเร็วที่สุด สถิติการรับเด็กเข้าอุปการะ พบว่ามีแนวโน้มลดลง คือ ปี ๒๕๔๙ จำนวน ๒๐๒ คน ปี ๒๕๕๐ จำนวน ๑๙๐ คน ปี ๒๕๕๑ จำนวน ๑๓๖ คน และ ปี ๒๕๕๒ (พ.ค.) จำนวน ๘๑ คน โดยปัจจุบันมีเด็กถูกทอดทิ้งและเด็กที่ครอบครัวประสบปัญหาต่างๆ ไม่สามารถเลี้ยงดูได้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน ๘ แห่งทั่วประเทศ จำนวน ๑,๗๓๑ คน

“เด็กถูกทอดทิ้ง และเด็กที่ครอบครัวไม่สามารถเลี้ยงดูได้และมอบให้อยู่ในความอุปการะของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการโดยเด็ดขาด เช่น มารดาเด็กเป็นบุคคลเร่ร่อน มีอาการทางจิต ครอบครัวยากจน หรือตั้งครรภ์นอกสมรส เป็นต้น ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ก็จะจัดหาครอบครัวบุญธรรมให้แก่เด็กได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ.๒๕๕๒ เพื่อเป็นการป้องกันการซื้อขายเด็ก คุ้มครองสวัสดิภาพ และสิทธิของเด็กที่เป็นบุตรบุญธรรม บิดามารดาบุญธรรม และบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมทั้งคนไทยและต่างประเทศจะต้องผ่านการตรวจสอบทั้งคุณสมบัติ ความเหมาะสมทั้งด้านกฎหมายและสังคม ปัจจุบันได้มอบเด็กให้แก่ครอบครัวชาวไทย ๘๒,๐๒๙ คน ครอบครัวชาวต่างชาติ ๑๐,๐๒๐ คน รวม ๙๒,๐๔๙ คน” นางพนิตา กล่าว

สำหรับโครงการสู่มาตุภูมิ (Nativeland Visit Program) กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้จัดขึ้นทุก ๓ ปี เพื่อให้เด็กไทยที่เป็นบุตรบุญธรรมในครอบครัวชาวต่างประเทศได้เดินทางกลับมาเยี่ยมแผ่นดินเกิด ได้รู้จักเรียนรู้ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมความเป็นไทย เพื่อให้เกิดความรัก ความผูกพัน และความภาคภูมิใจในประเทศบ้านเกิด อีกทั้งยังเป็นการติดตามผลการเลี้ยงดูเด็กอีกทางหนึ่งด้วย

“การติดตามผลเด็กไทยในครอบครัวชาวต่างชาติ ทำในหลายรูปแบบ เช่น ผู้บริหาร พม. เข้าร่วมประชุมงานบุตรบุญธรรมระหว่างประเทศ ก็จะมีโอกาสได้เยี่ยมครอบครัวบุญธรรม หรือครอบครัวบุญธรรม ได้พาบุตรบุญธรรมมารับน้องบุญธรรมเพิ่มขึ้น รวมทั้งกลับมาเยี่ยมสถานสงเคราะห์เด็กที่เคยอยู่ พบกับพี่เลี้ยง และมีหลายครอบครัวได้แจ้งขอให้ติดตามหาครอบครัวที่แท้จริง หรือบุตรบุญธรรมที่โตแล้ว เดินทางมาท่องเที่ยว และได้พบกับนักสังคมสงเคราะห์ของศูนย์ฯ ส่วนใหญ่ได้แจ้งความจำนงขอให้ติดตามบิดา มารดาผู้ให้กำเนิด เป็นต้น” นางพนิตา กล่าว

นางพนิตา กล่าวด้วยว่า โครงการดังกล่าวได้จัดมาแล้ว ๕ ครั้ง และในโอกาสครบรอบ ๓๐ ปี ของการจัดตั้งศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม และการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ.๒๕๕๒ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้กำหนดจัด “โครงการสู่มาตุภูมิ ครั้งที่ ๖” ขึ้น ระหว่างวันที่ ๑๙ — ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๒ โดยมีครอบครัวชาวต่างประเทศเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น ๑๐๐ ครอบครัว จาก ๑๔ ประเทศ คือ ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร ฟินแลนด์ นอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ แคนาดา เดนมาร์ก นิวซีแลนด์ สวีเดน และเนเธอร์แลนด์ เข้าร่วมกิจกรรมสำคัญ ๆ อาทิ การเข้าพบบุคคลสำคัญของไทย การเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ และการเยี่ยมสถานสงเคราะห์เด็กซึ่งเป็นบ้านเดิมของเด็ก เป็นต้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง