ขน. รับนโยบาย เร่งพัฒนาเชียงแสน 2 และปากบารา

พฤหัส ๑๖ กรกฎาคม ๒๐๐๙ ๑๕:๕๐
นายชลอ คชรัตน์ อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) เปิดเผยว่า ขน. ได้รับนโยบายจากทาง รชค. พร้อมเร่งพัฒนาโครงการต่างๆโดยเฉพาะโครงการท่าเรือเชียงแสน 2 และท่าเรือน้ำลึกปากบาราให้สามารถรองรับการขยายตัวของการขนส่งของภูมิภาคในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ได้ดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนมาใช้บริการคมนาคมทางน้ำกันมากขึ้น โดยได้เดินหน้าโครงการด้านความปลอดภัย ทั้งการดำเนินการปรับปรุงและเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อเกิดความมั่นใจในการใช้บริการการคมนาคมทางน้ำ คือ โครงการสะดวก...ปลอดภัย...ไปทางน้ำ

อธิบดี ขน. กล่าวว่า สำหรับโครงการท่าเรือเชียงแสน 2 นั้น หากแล้วเสร็จจะมีศักยภาพสามารถรองรับการขนส่งสินค้าบริเวณภาคเหนือตอนบนได้อย่างน้อย 28 ปี รองรับสินค้าได้สูงสุดที่ 8.9 ล้านตัน/ปี (ล่าสุดในปี 2551 ท่าเรือเชียงแสน ระยะแรก มีปริมาณอยู่ที่ 153,480 ตัน/ปี) สามารถรองรับเรือสินค้าขนาดสูงสุดประมาณ 500 ตันหรือประมาณ 350 ตันกรอส ได้ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 1,546.40 ล้านบาท

ท่าเรือเชียงแสน 2 มีศักยภาพในการเชื่อมโยงภาคการขนส่งระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และจีนตอนใต้รวมทั้งเชื่อมโยงการขนส่งมายังภาคกลางที่ท่าเรือแหลมฉบัง และทางใต้ที่ท่าเรือระนองเพื่อการส่งออก ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางหรือประตูสู่การค้าในภูมิภาคอินโดจีน

สำหรับโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล จะเป็นประตูในการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยรองรับการนำเข้า-ส่งออกทางฝั่งตะวันตกระหว่างไทยกับชมพูทวีป ตะวันออกกลาง ทวีปยุโรปและทวีปแอฟริกา ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพกาารแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทย และรองรับความสะดวก และประหยัดในการส่งออกสินค้าจากไทยไปยังฝั่งตะวันตก โดยมีงบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 11,466.20 ล้านบาท

และล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการและอนุมัติให้ ขน. ดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จ.ตราด ในวงเงินก่อสร้างทั้งสิ้น 1,295.67 ล้านบาท เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าไปประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา และเวียดนามตอนใต้ ที่มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 15,000 ล้านบาท/ปี

สำหรับนโยบายที่จะเสริมสร้างความปลอดภัยการคมนาคมทางน้ำนั้น ขน. ได้มีการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิดตลอดลำน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท่าน้ำนนทบุรีจนถึงท่าน้ำพระสมุทรเจดีย์ จำนวนรวม 27 สถานี 61 กล้อง คิดเป็นระยะทางรวม 48.2 กม. ซึ่งศูนย์ปลอดภัยทางน้ำแต่ละจุดสามารถติดต่อกับศูนย์ควบคุมปฏิบัติการโทรทัศน์วงจรปิดทางน้ำได้ตลอด 24 ชม. พร้อมรองรับการประสานไปยังส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีระบบประชาสัมพันธ์ผ่านป้ายอักษรวิ่งคอมพิวเตอร์ (LED) และระบบเสียงตามสายเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารความปลอดภัยต่างๆ ไปยังประชาชนที่ใช้บริการทางน้ำได้อีกด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน