ประเทศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพ การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 41

อังคาร ๑๑ สิงหาคม ๒๐๐๙ ๑๔:๐๗
กระทรวงพาณิชย์ประกาศความพร้อม ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 41 ผลักดันไทยแสดงบทบาทความเป็นผู้นำในเวทีโลก สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการต้อนรับคณะผู้แทนจากสมาชิกอาเซียน ประเทศคู่เจรจา รวมถึงสื่อมวลชนจากทั่วโลก เข้มมาตรการด้านความปลอดภัยสูงสุด ระหว่างวันที่ 13-16 สิงหาคม ศกนี้ ภาคเอกชนประสานเสียงสนับสนุนการจัดงาน

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเจ้าภาพการจัดประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 41 (ASEAN Economic Ministers Meeting: 41st AEM) เปิดเผยว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 41 ซึ่งเป็นการประชุมในกรอบของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อกำหนดทิศทางและนโยบายด้านเศรษฐกิจ ทั้งภายในกลุ่มประเทศอาเซียน และระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาต่างๆ ระหว่างวันที่ 13-16 สิงหาคม 2552 ณ โรงแรม มิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ

โดยประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน จะได้แสดงความพร้อม ในการเป็นผู้ขับเคลื่อนและผลักดันการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งเป็นการผลักดันนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ต่อไทยและอาเซียนโดยรวม ส่งผลต่อการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในเวทีโลก โดยเฉพาะการต้อนรับผู้แทนจาก ภาครัฐ และภาคเอกชน จากประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศคู่เจรจาต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชนจากทั้งในและต่างประเทศ

“ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและเร่งรัดการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community (AEC) ในปี 2558 เพื่อให้อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน สามารถขยายโอกาสด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาคได้มากยิ่งขึ้น”

นางพรทิวา กล่าวเพิ่มเติมถึงการดำเนินการด้านการจัดเตรียมการประชุมฯ ว่า คณะทำงานได้เตรียมการด้านมาตรการด้านความปลอดภัยสูงสุด โดยได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยในการอำนวยการดูแลรักษาความปลอดภัย ในระหว่างการประชุม และสถานที่พัก ตลอดจนจัดตั้งกองอำนวยการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ในการดำเนินการจัดการประชุมฯ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้มีการจัดตั้งคณะทำงาน 4 คณะ ได้แก่ ด้านสารัตถะ ด้านอำนวยการและรักษาความปลอดภัย ด้านพิธีการ และด้านประชาสัมพันธ์ โดยในส่วนของความพร้อมด้านสถานที่จัดประชุม ได้จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างเพียบพร้อม เพื่อรับรองรัฐมนตรีและผู้แทนจากประเทศต่างๆ อย่างสมเกียรติ ขณะที่การทำงานของสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ได้มีการจัดตั้งศูนย์สื่อมวลชน เพื่ออำนวยความสะดวกการทำงานให้สื่อมวลชนด้วย

นอกจากนั้น ยังมีการจัดกิจกรรมต้อนรับคณะรัฐมนตรีและผู้แทนจากประเทศต่างๆ เช่น การเยี่ยมชมงานศิลป์แผ่นดิน ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม การจัดงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำ (Gala Dinner) ณ หอประชุมกองทัพเรือ รวมถึงการจัดงาน ASEAN Fashion Plus Trade Fair ซึ่งจะจัดขึ้นพร้อมกับงานแสดงสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง ระหว่างวันที่ 13-16 สิงหาคม 2552 ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งจะช่วยแสดงถึงศักยภาพในด้านสินค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของอาเซียน รวมถึงแสดงถึงความพร้อมของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่น และเป็น Silk Hub ในภูมิภาคอาเซียน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในภูมิภาค เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่อยู่ในภาวะตกต่ำขณะนี้ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการรวมตัวก่อให้เกิดขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่ทั้งนี้ การจะเดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ต้องดำเนินการอย่างบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนนั้น การกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งสามารถเป็นเครื่องมือหนึ่งในการใช้ภูมิปัญญาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้น จะทำอย่างไรที่จะผลักดันให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางการด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (ASEAN Creative Economy Hub) เพื่อเสริมสร้างให้เศรษฐกิจในภูมิภาค เติบโตได้อย่างยั่งยืน และเดินไปสู่เป้าหมายการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างมั่นคงต่อไป

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบ ในการจัดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 41 ซึ่งจะเป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน ระหว่างวันที่ 13-14 สิงหาคม 2552 และการหารือระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาอีก 6 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ในวันที่ 13 สิงหาคม 2552 และ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 15-16 สิงหาคม 2552

การหารือดังกล่าว นอกจากจะมีการเจรจาและร่วมกันวางแผน ผลักดัน และกำหนดทิศทางการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจอาเซียนตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแล้ว ที่ประชุมยังจะได้หารือแนวทางการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน ภายหลังจากปี 2558 ด้วยว่าควรมีทิศทางเป็นเช่นไร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ/นักลงทุนในการวางแผน หรือกำหนดนโยบายในด้านการลงทุนภายในภูมิภาค

นายประพล มิลินทจินดา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงระบบรักษาความปลอดภัย ในการประชุมฯ ครั้งนี้ว่า ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศรภ. กองทัพเรือ และหน่วยงานรักษาความปลอดภัยจากอีกหลายหน่วย ที่จะให้การสนับสนุนในการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยมีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย แบบ Radio Frequency Identification Device (RFID) เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ และยืนยันสถานภาพของผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน ขณะที่ด้านการแพทย์ ได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลตากสิน ในการส่งคณะแพทย์ และพยาบาลมาประจำห้องปฐมพยาบาลภายในโรงแรม ตลอดจนรถพยาบาลเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉิน

ส่วนการอำนวยความสะดวกสำหรับสื่อมวลชน ได้จัดตั้งศูนย์สื่อมวลชน เพื่อรองรับสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่มาทำข่าว ภายในศูนย์ฯ ได้สนับสนุนระบบไฮสปีดอินเทอร์เน็ตจาก CAT Telecom พร้อมติดตั้งอุปกรณ์สื่อสาร พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่สื่อมวลชนตลอดงาน

ด้านพิธีการ และกิจกรรมอื่นๆ ก็ยังได้จัดเตรียมไว้อย่างครบครัน เพื่อให้ผู้แทนสมาชิกของแต่ละประเทศ และผู้ติดตาม ได้มีส่วนร่วมชื่นชมความงามของศิลปวัฒนธรรมไทย และเพื่อให้ผู้แทนของประเทศสมาชิกและประเทศคู่เจรจาจะได้รับความสะดวกสบาย และปลอดภัย ตลอดเวลาที่มาเยือนประเทศไทย

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีความยินดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทย ได้เป็นเจ้าภาพการประชุมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทยและอาเซียน ในฐานะตัวแทนภาคเอกชน ขอสนับสนุนและขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับ สมาชิกจากประเทศอาเซียน และประเทศคู่เจรจาทุกประเทศ สู่การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 41

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าหอการค้าไทยยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาล ในการผลักดัน ให้เกิดแผนปฎิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรม และจริงจัง

สิ่งที่อยากเห็นคือการผลักดันในเชิงนโยบายของรัฐที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการไทยและคู่ค้าในต่างประเทศว่าจะสามารถขยายตลาดให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ทั้งนี้โดยส่วนตัวเชื่อว่าการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการและการลงทุนได้อย่างเสรีในภูมิภาค รวมถึงการผลักดันให้อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน จะเป็นประโยชน์ต่อการค้าและการลงทุนของไทย และอาเซียนต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

ดรรชนี นวลเขียว [email protected]

เอกภพ พันธุรัตน์ [email protected]

บมจ. 124 คอมมิวนิเคชั่น

โทร 02-662-2266

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๓๘ Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง