นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จของประเทศไทยในการจัดงาน Bangkok Biofuels 2009 ภายใต้หัวข้อ “การพัฒนาพลังงานชีวภาพอย่างยั่งยืน” ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการสนับสนุนเป้าหมายของการพัฒนาพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพภายใต้แผนปฏิบัติการด้านพลังงานของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Plan of Action for Energy Cooperation : APAEC 2010-2015) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเชื้อเพลิงชีวภาพไปสู่การพัฒนาในยุคต่อไป (2nd Generation Biofuels) หรือการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพด้วยวัตถุดิบด้านพลังงาน
ประเด็นสำคัญที่จะมีการพูดคุยครั้งนี้ ได้แก่ การพัฒนาพลังงานชีวภาพในระดับอาเซียนและระดับโลก เรื่องของเทคโนโลยีและการถ่ายทอดงานวิจัย โดยเฉพาะประเด็นข้อถกเถียงด้านวัตถุดิบการนำพืชอาหารมาผลิตเป็นพลังงาน ซึ่งในอนาคตได้มีการแก้ไขไปสู่การพัฒนาพลังงานในยุค 2nd Generation Biofuels เพื่อผลิตจากพืชพลังงานโดยตรงไม่พึ่งพาการใช้พืชอาหาร เช่น การผลิตไบโอดีเซลจากสาหร่าย การผลิตเอทานอลจากเศษไม้และฟางข้าว เป็นต้น นอกจากนี้ การหารือที่สำคัญ คือ เรื่องราคาเอทานอลแลกเปลี่ยนแนวคิดในการกำหนดราคาในแต่ละประเทศ ซึ่งมีการสะท้อนตามต้นทุนที่แท้จริง เพื่อให้ราคาเอทานอลสามารถแข่งขันได้กับราคาน้ำมันโดยไม่มีกลไกการให้เงินช่วยเหลือ ซึ่งประเทศบราซิลประสบความสำเร็จมาแล้ว
นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวว่า ในอนาคตกลุ่มประเทศอาเซียนมีศักยภาพเพียงพอในการเป็นศูนย์กลางผู้ผลิตและผู้ส่งออกพลังงานชีวภาพในระดับโลก หรืออีกนัยหนึ่งเป็น “OPEC แห่งเชื้อเพลิงชีวภาพ” เนื่องจากพบว่าแต่ละประเทศมีศักยภาพที่เข้มแข็ง ตัวอย่างเช่น ประทศอินโดนีเซีย และประเทศมาเลเซีย เป็น ผู้ส่งออกปาล์มอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลก ส่วนประเทศไทยนั้น มีศักยภาพความเหมาะสมด้านภูมิศาสตร์การเป็นศูนย์กลาง (Hub) ด้านการพัฒนา/ผลิตวัตถุดิบและเชื้อเพลิงชีวภาพสำเร็จรูป เช่น แก๊สโซฮอล์ รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงได้หลากหลาย (Flexible Fuel Vehicle) และไบโอดีเซล สำหรับในระดับภูมิภาคสำนักเลขาธิการอาเซียน และศูนย์พลังงานอาเซียน ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพและเน้นให้เกิดความร่วมมือในกลุ่มประเทศสมาชิกซึ่งรวมถึงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology) ด้านการกำกับดูแล กฎหมาย และกฎระเบียบ (Regulatory Framework) ด้านเศรษฐศาสตร์ การค้า และการลงทุน (Economic Trade and Investment) และด้านการเงิน (Financing) โดยมีเป้าหมายในปี 2015 ที่จะถึงนี้ในการเป็น 1 เดียว (ASEAN Community 2015) ในรูปแบบเดียวกับ EU
“การจัดงานประชุมครั้งนี้จึงเป็นการสะท้อนทิศทางการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างจริงจังในภูมิภาคอาเซียน เพื่อทดแทนการนำเข้าพลังงานหรือลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งประเทศไทยนับว่าเป็นผู้นำทางด้านพลังงานชีวภาพ เพราะเรามีแหล่งผลิตวัตถุดิบ และเป็นประเทศต้นแบบที่มีการจัดทำแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี โดยส่งเสริมให้มีการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพอย่างหลากหลาย ซึ่งในสถานีบริการน้ำมัน ผู้ใช้น้ำมันเบนซินสามารถเลือกเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีส่วนผสมเอทานอลได้ตั้งแต่สัดส่วน 10% - 20% และปัจจุบันมีสัดส่วน เอทานอลสูงสุดถึง 85% หรือ E85 ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับอนาคต นอกจากนี้ในน้ำมันดีเซลก็ให้มีการผสมไบโอดีเซลอย่างน้อย 2% และสามารถเลือกเติมไบโอดีเซล B5 ที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล 5% ได้” นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าว