นายชัยวัฒน์ ชัยจินดาวัธน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอเจล เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายในรูปแบบขายตรงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเจล ภายใต้แบรนด์ "เอเจล" (Agel) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจในเมืองไทยมากว่า 2 ปีที่ผ่านมานั้น ถือว่าเราประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากยอดขายภายในปีแรกที่ มียอดขายประมาณ 485 ล้านบาท และในปี 2552 เรามียอดขายโตเกินคาดประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจากอัตราที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ คาดว่าในปี 2553 บริษัทฯ น่าจะมียอดขายมากถึง 1,500 ล้านบาทเลยทีเดียว
ปัจจุบันบริษัทฯ เรามีผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายอยู่ประกอบด้วยอาหารเสริม 6 ตัว คือ Agel Exo, Agel Umi, Agel Slm, Agel Ohm, Agel Min,และ Agel HRT ส่วนผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ภายใต้แบรนด์ “Ageless” จะมี 7 รายการ คือ Daily Cleansing, Revitalizing Gel Scrub, Antioxidant Misting Gel, Age-defying Eye Gel, Antiaging Gel Serum, Daily Moisturizing Gel และ Nourishing Night Gel
“ถือว่าเราเป็นผู้ดำเนินธุรกิจในระบบเครือข่ายที่มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเจล อันดับหนึ่งของเมืองไทยในขณะนี้ และสินค้าทั้งหมดเราได้นำเข้ามาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอาหารเสริม จะเป็นสินค้าหลักโดยมีสัดส่วนยอดขาย 90 เปอร์เซ็นต์ และ กลุ่มสกินแคร์ จะมียอดขาย 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับแผนการตลาดในปีนี้เรามุ่งการสร้างแบรนด์ “เอเจล” ให้เป็นที่รู้จักของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น จะเน้นในการจัดทำโฆษณาเผยแพร่ไปตามสื่อต่างๆ เช่น สิ่งพิมพ์ อินเตอร์เน็ต และบิลบอร์ด เป็นต้น ”
นายชัยวัฒน์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เรามุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ และมีความหลากหลายโดยในราวเดือนมีนาคมนี้ บริษัทฯ เตรียมนำเข้าอาหารเสริมเพิ่มอีกประมาณ 4-5 รายการ และจะมีความแตกต่างจากที่มีอยู่ ซึ่งจะช่วยให้เครือข่ายของเราที่มีอยู่มากกว่า 60,000 คน ได้มีสินค้าที่จะนำเสนอต่อลูกค้าได้มากขึ้น และเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นด้วย นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 27-28 มีนาคมนี้ ทางบริษัทแม่ที่สหรัฐฯ จะเข้ามาจัดการประชุมใหญ่ “AGEL World Tour” ขึ้นในประเทศไทย ณ อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการจัดประชุมครั้งแรกนอกประเทศสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะมีเครือข่ายเอเจลจาก 59 ประเทศทั่วโลก มาร่วมงานประมาณ 10,000 คน เป็นคนไทยประมาณ 6,000 คน และจากนานาชาติอีก 4,000 คน
“บริษัทแม่ฯ ได้ให้ความสำคัญกับตลาดเมืองไทยมาก โดยจะเห็นได้ว่าในเอเชียได้เลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการทำตลาด ซึ่งในการจัดประชุม AGEL World Tour ครั้งนี้ นอกจากจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจของเอเจลแล้ว ยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ทั้งการจัดประชุมระดับโลก และบรรยากาศการท่องเที่ยวอีกด้วย”