กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ให้บริการรับขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์กับสินค้าไทยมาตั้งแต่งปี 2547 และสำหรับข้าวไทยขณะนี้ กรมฯ ได้รับขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไว้ 5 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้, ข้าวเจ็กเชยเสาไห้, ข้าวเหลืองประทิวชุมพร, ข้าวฮางหอมทองสกลทวาปี, และข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ที่โดดเด่นที่สุดคือ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งขณะนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้นำเสนอขอรับการคุ้มครองสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จากประชาคมยุโรป หรือ อียู ภายในปี 2554 ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ของไทย จะได้รับการคุ้มครองในประชาคมยุโรปอย่างเป็นทางการ นั่นหมายความว่า ข้าวหอมมะลิไทยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่น จะสามารถขยายความนิยมไปยังตลาดใหม่ โดยที่มีเรื่องราวความสำเร็จสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เพียงเสียงเล่าอ้างถึงคุณภาพเท่านั้น เราจะมีเครื่องหมายรับรองคุณภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติพกติดตัวไปในทุกตลาดการค้า
ขณะนี้ตลาดการส่งออกข้าวไทยอันดับหนึ่งนั้นยังคงเป็น สหรัฐอเมริกา รองลงมาคือฮ่องกง ยุโรป สิงคโปร์ และจีน ตามลำดับ ข้าวหอมมะลิของไทยถือเป็นสินค้าคุณภาพเกรดเอ ซึ่งตลาดที่สามารถบริโภคสินค้าของเราได้ก็จะเป็นตลาดบน หากพิจารณาในเรื่องการแข่งขัน เราย่อมเสียเปรียบในเรื่องราคาเพราะราคาที่สูงตามมาตรฐานสินค้าอาจจะเป็นจุดอ่อนสำคัญ แต่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเอง พยายามผลักดันให้คำว่า สินค้าเกรดเอนี้ จับต้องได้และเป็นรูปธรรม ด้วยการนำเสนอสินค้า GI ไทยไปยังตลาดโลก การเพิ่มปริมาณการบริโภคในตลาดเดิมอาจจะไม่ใช่กลยุทธ์ที่เราจะใช้ต่อสู้ทางการค้าเพียงอย่างเดียว การสร้างตลาดใหม่ด้วย แบรนด์นิวของข้าวไทยที่มีดีกรีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI ห้อยท้ายไปด้วยนั้น จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาพยายามผลักดันให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมในเร็ววัน และจะขยายไปยังสินค้า GI ของไทยชนิดอื่นๆ อีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ฯ กรมทรัพย์สินทางปัญญา
ติดต่อ คุณสุจิรา
โทรศัพท์ 0-2547- 4696