ผลการดำเนินการปี 2552 บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีรายได้รวม 17,912 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.9% กำไรสุทธิ 3,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% เมื่อเทียบกับปี 51

อังคาร ๐๒ มีนาคม ๒๐๑๐ ๑๕:๕๖
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงผลการดำเนินการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยว่า ในปี 2552 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มียอดขายอันเกิดจากการโอนบ้านรวมทั้งสิ้น 17,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,863 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.09 เมื่อเทียบกับปี 2551 ซึ่งมียอดขายเท่ากับ 15,410 ล้านบาท

ในส่วนของกำไรสุทธินั้น บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 3,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของปี 2551 ซึ่งทำได้เท่ากับ 3,428 ล้านบาท

แม้ว่ากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ในปี 2552 จะลดลงเล็กน้อย มาอยู่ที่ร้อยละ 31.3 จากร้อยละ 32.1 ที่ทำได้ในปี 2551 แต่อัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ กลับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 22.2 เป็นร้อยละ 22.6 ของยอดขาย ทั้งนี้เพราะ

1. บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ในขณะที่ยอดขายเติบโตขึ้นร้อยละ 12.09

2. บริษัทร่วมหลายแห่งที่บริษัทฯ เข้าถือหุ้นสามารถทำกำไรได้มากขึ้น ทำให้บริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 เมื่อเทียบกับปี 2551 คือเพิ่มขึ้นจาก 1,024 ล้านในปี 2551 เป็น 1,174 ล้าน ในปี 2552

3. การลดลงของภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าธรรมเนียมการโอนจาก 138 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นในปี 2551 เหลือ 21 ล้านบาท ในปี 2552 เนื่องจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งครอบคลุมทั้งปี 2552 ในขณะที่ปี 2551 มาตราการดังกล่าวมีผลครอบคลุมเฉพาะในช่วง 3 ไตรมาสสุดท้าย เท่านั้น

ทางด้านฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2552 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 46,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 818 ล้านบาท จาก 46,102 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 และมีสภาพคล่อง ณ สิ้นปี 2552 จำนวน 2,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 935 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิของบริษัทฯ ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 55 ณ สิ้นปี 2551 มาเป็นร้อยละ 53 ณ สิ้นปี 2552

ในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงทุนซื้อที่ดินไปประมาณ 4,000 ล้านบาท และมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 3 ครั้ง คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,609 ล้านบาท กล่าวคือ

- ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 โดยจ่ายจากผลการดำเนินงาน 6 เดือนหลังของปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท คิดเป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 1,203 ล้านบาท

- ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2552 โดยจ่ายจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2552 ในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท คิดเป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 1,604 ล้านบาท

- ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 โดยจ่ายจากผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท คิดเป็นจำนวนเงินปันผลทั้งสิ้น 802 ล้านบาท

สำหรับแผนงานทางด้านการลงทุนปี 2553 นั้น บริษัทฯ วางงบประมาณจำนวน 5,000 — 6,000 ล้านบาท สำหรับการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม และจะกันเงินอีกประมาณ 1,500 ล้านบาท ไว้สำหรับการลงทุนด้านอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยการเพิ่มทุนใน LH Bank ประมาณ 1,100 ล้านบาท และการเพิ่มทุนในบริษัท แอลแอนด์เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 60 เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการ เทอร์มินอล 21 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2554 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ ในวงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2552 ที่ผ่านมา โดยสรุปดังนี้

ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยปี 2552

ตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมในปี2552 หากพิจารณาจากตัวเลขโดยรวมของบ้านจดทะเบียนเพิ่ม ตั้งแต่ ม.ค.- พ.ย. 2552 บ้านจดทะเบียนเพิ่ม มีจำนวนรวมทั้งหมด 83,100 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.0 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลา 11 เดือนของปี 51 (77,653 หน่วย) ทั้งนี้แบ่งแยกเป็นที่อยู่อาศัยประเภทสร้างเอง 19,364 หน่วย ลดลง 12.8% และที่อยู่อาศัยประเภทจัดสรร 63,736 หน่วย เพิ่มขึ้น 15.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลา 11 เดือนของปี 2551 อย่างไรก็ตาม หากประมาณการบ้านจดทะเบียนเพิ่มทั้งปี 2552 จะมีจำนวนประมาณ 89,500 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.7% แยกเป็นที่อยู่อาศัยประเภทสร้างเอง 20,500 หน่วย และที่อยู่อาศัยประเภทจัดสรร 69,000 หน่วย เพิ่มขึ้น 16.8%

ข้อมูลเปรียบเทียบที่อยู่อาศัยจดทะเบียนเพิ่ม

จำแนกตามประเภทดำเนินการ ระหว่าง ม.ค.-พ.ย. 2551-2552

หน่วย : หลัง

จำแนกประเภท ม.ค.-พ.ย. ม.ค.-พ.ย. ทั้งปี ประมาณการทั้งปี2552 2538**

2551 2552 2551

สร้างเอง 22,223 19,361 24,017 20,500 32,118

จัดสรร 55,430 63,736 59,048 69,000 146,735

รวมทั้งหมด 77,653 83,100 83,065 89,500 178,753

เปลี่ยนแปลง 14.0% 7.0% 10.6%*** 7.7%*** 27.7%

ที่มา : ธนาคารอาคารสงเคราะห์ , * % การเปลี่ยนแปลงเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า

** ปี 2538 เป็นปีที่บ้านจดทะเบียนสูงสุด นับตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา

*** % การเปลี่ยนแปลงของทั้งปี 2551 - 2552 เทียบกับปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเฉพาะบ้านจดทะเบียนเพิ่มประเภทจัดสรร ในช่วง 11 เดือนของปี 2552 เมื่อเทียบกับปี 2551 และประมาณการทั้งปี 52 พิจารณาจำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้

- ประเภทบ้านเดี่ยว มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 9,091 หน่วย ลดลง 28.7% เมื่อเทียบกับ 11 เดือนแรกปี 2551 (มีจำนวน 12,760 หน่วย) ประมาณการทั้งปี 52 มีจำนวนรวมประมาณ 10,000 หน่วย ลดลง 25.6% เมื่อเทียบกับปี 51 (มีจำนวน 13,437 หน่วย)

- ประเภทบ้านแฝด มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 985 หน่วย ลดลง 52.7% เมื่อเทียบกับ 11 เดือนแรกปี 2551 (มีจำนวน 2,083 หน่วย) ประมาณการทั้งปี 52 มีจำนวนรวมประมาณ 1,000 หน่วย ลดลง 53.1% เมื่อเทียบกับปี 51 (มีจำนวน 2,133 หน่วย)

- ประเภททาวน์เฮ้าส์ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 11,612 หน่วย เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับ 11 เดือนแรกปี 2551 (มีจำนวน 10,862 หน่วย) ประมาณการทั้งปี 52 มีจำนวนรวมประมาณ13,000 หน่วย เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับปี 51 (มีจำนวน 11,943 หน่วย)

- ประเภทคอนโดมิเนียม มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 42,048 หน่วย เพิ่มขึ้น 41.4% เมื่อเทียบกับ 11 เดือนปี 2551 (มีจำนวน 29,725 หน่วย) ประมาณการทั้งปี 52 มีจำนวนรวมประมาณ 45,000 หน่วย เพิ่มขึ้น 42.7% เมื่อเทียบกับปี 51 (มีจำนวน 31,535 หน่วย)

ข้อมูลเปรียบเทียบที่อยู่อาศัยจดทะเบียนเพิ่ม

จำแนกตามประเภทจัดสรร ระหว่าง ม.ค. - พ.ย. 2551 - 2552

หน่วย : หลัง

บ้านจดทะเบียนเพิ่ม จำแนกตามประเภทจัดสรร ม.ค.-พ.ย. ม.ค.-พ.ย. ทั้งปี ประมาณการทั้งปี 2552 ** 2538

2551 2552 2551

บ้านเดี่ยว 12,760 9,091 13,437 10,000 20,793

% การเปลี่ยนแปลง -12.6% -28.7% -18.0% -25.6% 16.4%

บ้านแฝด 2,083 985 2,133 1,000 938

% การเปลี่ยนแปลง 73.9% -52.7% 48.5% -53.1% 336.3%

ทาวน์เฮ้าส์ 10,862 11,612 11,943 13,000 58,093

% การเปลี่ยนแปลง -16.9% 6.9% -20.0% 8.8% 16.0%

คอนโดมิเนียม 29,725 42,048 31,535 45,000 66,911

% การเปลี่ยนแปลง 92.2% 41.4% 85.4% 42.7% -1.5%

รวมทั้งหมดประเภทจัดสรร 55,430 63,736 59,048 69,000 146,735

% การเปลี่ยนแปลง 19.5% 15.0% 18.6% 16.8% 7.8%

ที่มา : ธนาคารอาคารสงเคราะห์

** ปี 2538 เป็นปีที่บ้านจดทะเบียนสูงสุด นับตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมา

* % การเปลี่ยนแปลง เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า , *p เป็นตัวเลขประมาณการ

การเปลี่ยนแปลงของตลาดที่อยู่อาศัย ในปี 2552 ที่ผ่านมา มีปัจจัยสำคัญๆ ที่มีผลกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัย ดังนี้

- มาตรการของภาครัฐ ในการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

- ความเชื่อมั่นในรายได้และความเชื่อมั่นที่จะซื้อสินค้าคงทนของผู้บริโภคมีมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2551

- อัตราดอกเบี้ยในปี 52 อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง MLR จากร้อยละ 6.75% เมื่อต้นปี เหลือเพียงร้อยละ 5.85% ในช่วงปลายปี

- อัตราเงินเฟ้อ ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

- การเปลี่ยนแปลงของราคาวัสดุก่อสร้าง ในปี 52 มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นไม่มากนัก

- การปรับราคาของผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินการได้มากนัก

อย่างไรก็ตาม ในปี 52 มีปัจจัยที่เป็นแรงฉุดอยู่บ้างบางประการดังนี้

- เศรษฐกิจของปี 52 จะมีการขยายตัวที่ลดลงร้อยละ 2.3 % ( Q1= -7.1%, Q2= -4.9%, Q3= -2.8% Q4 = 5.8 %) เทียบกับปี 51 ที่มีการขยายตัวร้อยละ 2.5

- ระดับราคาน้ำมันในปี 52 ยังคงอยู่ในระดับสูง

- ปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพและความมั่งคง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของการลงทุนของภาคเอกชน

- ความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ ในการพิจารณาสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ (Pre Finance) และผู้บริโภค (Post-Finance) มีมากขึ้น ทำให้การเปิดโครงการใหม่ๆ ในปี 2552 เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2552

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี2552 บริษัทได้ส่งมอบบ้านให้แก่ลูกค้าจำนวน 3,713 หน่วย โดยแบ่งแยกเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 2,485 หน่วย คอนโดมิเนียม 835 หน่วย และทาวน์เฮ้าส์ 393 หน่วย รายละเอียดดังตาราง

บ้านที่ส่งมอบให้ลูกค้า ในปี 2552 และประมาณการปี 53

รวมทั้งหมดของบริษัท รวมต่างจังหวัด

สัดส่วนตามมูลค่า

ปี 2552 ประมาณการ 2553

หลัง ล้านบาท หลัง ล้านบาท

บ้านเดี่ยว 2,484 12,641 2,957 15,754

% เปลี่ยนแปลง 24.6%

ทาวน์เฮ้าส์ 394 1,410 511 1,732

% เปลี่ยนแปลง 23.0%

คอนโด 835 3,222 405 2,124

% เปลี่ยนแปลง -34.0%

รวม 3,713 17,273 3,873 19,610

% เปลี่ยนแปลง 13.5%

ในปี 52 บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการ จำนวนทั้งรวมสิ้น 52 โครงการ เป็นโครงการในกทม. และปริมณฑล 41 โครงการ ต่างจังหวัด 11 โครงการ และมีจำนวนโครงการที่เปิดใหม่ ทั้งสิ้น 10 โครงการ แบ่งเป็น

- โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ

- โครงการทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ

- โครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ

แสดงจำนวนโครงการที่ดำเนินการระหว่างปี 2552-2553

ณ ต้น ม.ค. ปี 2552 2553

จำนวนโครงการทั้งหมด 42 39

- กทม. และปริมณฑล 32 28

- ต่างจังหวัด 10 11

โครงการเปิดใหม่ระหว่างปี/(ต่างจังหวัด) 10 /(1) 17 /(3)

มูลค่าโครงการ (ล้านบาท) 15,197 30,495

รวมโครงการที่ดำเนินการทั้งหมด ในปี 52 56

จำนวนโครงการที่ปิดในระหว่างปี 13 16

จำนวนยูนิตที่โอน (รับรู้รายได้เมื่อโอน) 3,713 3,873

มูลค่า: ล้านบาท 17,273 19,610

สัดส่วนของมูลค่าบ้านที่ขายของบริษัทเปรียบปี 2552 — 2553

จำแนกตามระดับราคาสินค้า

Segment 2552 2553

3.0 - 5. 0 ล้านบาท 52.9% 48%

5.0 - 10.0 ล้านบาท 34.4% 38%

มากกว่า10 ล้านบาท 13.7% 14%

รวมทั้งหมด 100% 100%

หมายเหตุ % สัดส่วน คำนวนตามมูลค่า

สำหรับส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ในตลาดบ้านเดี่ยว ในเขต กทม.และปริมณฑล ยอดรวม ม.ค.— พ.ย. 52 บริษัทมีส่วนตลาดเท่ากับ 24.5% เพิ่มขึ้นจากเวลาเดียวกันของปี 51 ที่มีส่วนตลาดเท่ากับ 17.72%

แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2553

ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 53 ความต้องการที่อยู่อาศัยยังเป็นความต้องการที่แท้จริง แนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 53 มีแนวโน้มที่ขยายตัวจากปี 52 โดยภาวะตลาดที่อยู่อาศัย โดยรวมมีแนวโน้มที่เติบโตประมาณ 7% ของบ้านจดทะเบียนเพิ่มโดยรวมทั้งหมด(สร้างเองและจัดสรร) ของปี 52 ทั้งนี้ประมาณการบ้านจดทะเบียนเพิ่มประเภทจัดสรรในปี 53 มีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 74,000 หน่วย โดยมีปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย ที่สำคัญๆ ดังนี้

- ภาวะเศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มที่จะขยายตัวในระดับ 4% การขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีผลต่อความเชื่อมั่นในรายได้ของผู้บริโภคสูงขึ้น ความเชื่อมั่นในการที่จะซื้อสินค้าคงทน โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์

- ปัญหาโครงการในมาบตาพุด ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการลงทุนของภาคเอกชนและต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย

- อัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นเล็กน้อย

- อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่ปรับตัวสูงขึ้น อยู่ระหว่าง 3.0%

- ระดับราคาน้ำมันที่ยังสูง จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่เปิดดำเนินการใหม่ๆ ต้นทุนค่าพัฒนาที่สูงขึ้น

- มาตรการของรัฐในการกระตุ้นภาคอสังหารริมทรัพย์ที่สิ้นสุดลง จะกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงาน ประกอบกับแนวโน้มของราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งมาผลต่อการปรับตัวของราคาที่อยู่อาศัย

- ความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ในการพิจารณาสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ (Pre Finance) และผู้บริโภค (Post-Finance)

แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2553

ณ ต้นปี 53 บริษัทฯมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 39 โครงการ โดยเป็นโครงการใน กทม. และปริมณฑล 28 โครงการ ต่างจังหวัด 11 โครงการ ในปี 52 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 17 โครงการ เป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 14 โครงการ และต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่ารวม 30,495 ล้านบาท แบ่งได้เป็น

- โครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ

- โครงการทาวน์เฮ้าส์ 3 โครงการ

- คอนโดมิเนียม 4 โครงการ

รวมจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้นในปี 53 ทั้งหมด 56 โครงการ และมีโครงการปิดในระหว่างปี 16 โครงการ

สำหรับเป้าหมายการขายในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดโอนไว้ 19,610 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อยูนิต5.06 ล้านบาท มีการขยายตัวสูงขึ้น 13.5% จากปีที่ผ่านมา

ในส่วนของแผนการลงทุนในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ในทำเลต่างๆ ในเขต กทม. และปริมณฑล ประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่การพิจารณาซื้อที่ดิน บริษัทจะพิจารณาทำเลที่สามารถนำมาพัฒนาโครงการได้ทันทีและมีศักยภาพที่ดี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud