นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่งเน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ CEN เปิดเผยว่าผลประกอบการรอบปี 2552 มีกำไรสุทธิ 118 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.18 บาท สาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการพลิกมีกำไรสุทธิสำเร็จ เนื่องมาจากทางบริษัทแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาสูงผลพวงมาจากปลายปี 2551 และส่งผลถึงไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2552 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้มีผลกำไรของไตรมาส 3 ปี 2552 ถึง 36 ล้านบาท และไตรมาส 4 ปี 2552 ถึง 145 ล้านบาท บวกกับบริษัทมีรายได้จากหนี้สงสัยจะสูญรับคืนจากการให้กู้ยืมระยะสั้นแก่บริษัทอื่น
“ผู้บริหารชุดใหม่ตั้งแต่เข้ามาบริหารงานที่ CEN มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นให้เรียบร้อย และจะเน้นการบริหารงานที่จะนำบริษัทให้มีผลประกอบการที่ดี โดยการตั้งหน่วยงานมาดูแลต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ รวมถึงปรับโครงสร้างการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ ปี 2552 ถือว่าเราได้จัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ผลประกอบการปี 2552 ออกมาน่าพอใจและจะดำเนการต่อเนื่องเพื่อแผนของบริษัทต่อไปข้างหน้า”
เขากล่าวต่อถึงการดำเนินธุรกิจในปี 2553 ว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากบริษัทย่อยทั้ง 3 แห่ง คือ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน)(UWC) บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (RWI) และบริษัท เอ็นเนซอล จำกัด (ENS) ซึ่งมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้ดี และมีประสิทธิภาพในการดำเนินการ อีกทั้งได้รับผลบวกจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวตลอดจนการกระตุ้น ของภาครัฐอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ในปี 2553 สำหรับ UWC ซึ่งเป็นผู้ผลิตโครงเหล็กเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาโทรคมนาคม ในปีนี้ มีแผนเพิ่มเครื่องจักรใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจำใช้เงินลงทุนประมาณ 20-40 ล้านบาท เพื่อที่จะขยายงานด้าน Steel General Fabrication ในตลาดใหม่เพิ่มเติม อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง ดังนั้นจึงเชื่อว่า ผลประกอบการของ UWC ในปีนี้จะยังมีผลกำไรต่อเนื่องได้
สำหรับ RWI ผู้ผลิตลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดเส้นเดี่ยวและเส้นตีเกลียว และลวดเชื่อม CO2 คาดว่าปีนี้สามารถมียอดขายที่เติบโตจากปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ลวดแรงดึงสูงมากขึ้นจากงานด้านก่อสร้างโตขึ้นจากงบไทยเข้มแข็ง และอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าผลประกอบการปี 2553 ของ RWI จะสามารถมีรายได้ที่เติบโตกว่าปี 2552 และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ENS ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า & พลังงานความร้อนและพลังงานทดแทน ในปี 2553 เครื่องจักรได้เดินปกติแล้วและมีโอกาสที่จะได้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 1-2 ราย นอกจากนี้ ENS ยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทนประเภทอื่นๆ เช่น โซลาร์เซลล์และกังหันลม โดยจะขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ทั้งนี้ในส่วนของผลการดำเนินงานของ ENS คาดว่าจะมี รายได้มากขึ้น
“สถานการณ์ทางธุรกิจของ CEN และบริษัทย่อยทั้ง 3แห่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเด่นชัดตั้งแต่ปลายปีก่อน จากหลายปัจจัยที่สนับสนุน ประกอบสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการบริหารจัดการเกี่ยวกับวัตถุดิบ จึงมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของบริษัท โดยคาดว่ารายได้จะไต่ขึ้นไปแตะที่ระดับ 2,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2552”นายวุฒิชัยกล่าวในที่สุด
จากผลประกอบการของ CEN ในปี 2552 โดยมีกำไรสุทธิ 118 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น ที่ 1.18 บาท เมื่อพิจารณาถึง P/E ของกลุ่มวัสดุก่อสร้างมี P/E ที่ 13.77 ในขณะที่พิจารณาถึงผลประกอบการของ CEN พบว่า CEN มี P/E เพียง 2.2 (จากราคาปิดวันที่ 2 มีนาคม 2553 ที่ 2.6 บาท) จะให้ได้ว่าราคาปัจจุบันของ CEN ยังมี up side Gain อยู่มากในขณะที่ ปี2552 BV จะอยู่ที่ 3.82 ซึ่งสูงกว่าราคาหุ้น ณ ปัจจุบันอยู่มาก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : IR PULS
คุณฉัฐวีณ์ จิราวัฒนพงศ์(ก้อ) โทร.02-554-9396
E-mail : [email protected]