SCB EIC ชี้นโยบายการคลังปีงบประมาณ 2011 จะกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าในปี 2009 — 2010 ขณะที่ฐานะการคลังของไทยยังไม่น่าเป็นห่วง

อังคาร ๑๗ สิงหาคม ๒๐๑๐ ๑๒:๓๓
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า นโยบายการคลังปีงบประมาณ 2011 จะกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าในปี 2009 — 2010 ทั้งนี้ งบประมาณส่วนใหญ่คาดว่าจะถูกใช้ไปในรายจ่ายประจำเหมือนช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีรายจ่ายลงทุนไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้น ภายใต้งบประมาณ 2011 ทางเลือกเดียวของรัฐในการลงทุนในโครงการใหม่ๆ คือการกู้ อย่างไรก็ตาม ฐานะการคลังของไทยยังไม่น่าเป็นห่วงทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันยอดขาดดุลการคลังและยอดหนี้สาธารณะอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และในอนาคต แม้หนี้สาธารณะต่อ GDP อาจเพิ่มขึ้นแต่จะไม่เพิ่มเร็ว

ดร. เศรษฐพุฒิ เปิดเผย “ถึงแม้ว่าปีงบประมาณ 2011 จะมีการตั้งงบประมาณขาดดุล (headline deficit) สูงถึง 4.2 แสนล้านบาท (4.1% ของ GDP) แต่ถ้าหักรายจ่ายที่เกี่ยวกับภาระหนี้ที่ไม่มีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ (-33 พันล้านบาท) รายจ่ายชดเชยเงินคงคลัง (-30 พันล้านบาท) และรายจ่ายดอกเบี้ย (-179 พันล้านบาท) ออกจะเหลือยอดการขาดดุลการคลังที่ไม่รวมรายจ่ายที่เกี่ยวกับภาระหนี้ (primary deficit) จากการขาดดุลในงบประมาณเพียง 178 พันล้านบาท หรือ 1.7% ของ GDP และเมื่อรวมเงินนอกงบประมาณจากมาตรการไทยเข้มแข็งที่น่าจะเบิกจ่ายได้ประมาณ 150 พันล้านบาท หรือ 1.5% ของ GDP จะทำให้ primary deficit จากในและนอกงบประมาณปี 2011 เท่ากับ 3.2 %ของ GDP ซึ่งมากกว่าปีก่อนๆ”

“แต่งบประมาณส่วนใหญ่คาดว่าจะถูกใช้ไปในรายจ่ายประจำเหมือนช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีรายจ่ายลงทุนไม่มากเท่าที่ควร เพราะระหว่างปีงบประมาณ 2001 — 2011 งบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้น 1,160 พันล้านบาท จาก 910 เป็น 2,070 พันล้านบาท ในขณะที่รายจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นเพียง 24 พันล้านบาท ในทางตรงกันข้ามรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นถึง 1,105 พันล้านบาท ซึ่งอาจพูดได้ว่างบประมาณที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถูกใช้ไปเป็นรายจ่ายประจำนั่นเอง ดังนั้น ภายใต้งบประมาณ 2011 ทางเลือกเดียวของรัฐในการลงทุนในโครงการใหม่ๆ คือการกู้” ดร. เศรษฐพุฒิ กล่าวเสริม

ดร. เศรษฐพุฒิ กล่าวทิ้งท้าย “อย่างไรก็ตาม ฐานะการคลังของไทยยังไม่น่าเป็นห่วงทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันมีความเสี่ยงทางการคลังต่ำ โดยเห็นได้จากยอดหนี้สาธารณะ และขาดดุลการคลัง ต่อ GDP ที่ต่ำกว่าประเทศในยุโรปที่มีปัญหาวิกฤติทางการคลังและประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนในอนาคตฐานะการคลังก็ยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากแม้หนี้สาธารณะต่อ GDP อาจเพิ่มขึ้นแต่จะไม่เพิ่มเร็ว”

ติดตามรายละเอียดการวิเคราะห์เชิงลึกเพิ่มเติมได้ใน SCB Outlook เรื่อง “ฐานะการคลังของไทยเป็นอย่างไร" สอบถามได้ที่ SCB EIC คุณพิณัฐฐา อรุณทัต โทร.0-2544-2953 อีเมล์ [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน