นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมากองทุน FIF ของบลจ.ยูโอบี จะเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในประเภทสินทรัพย์ที่เป็นหุ้นเกือบทั้งหมด สำหรับสินทรัพย์ที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) นั้น จะมีเพียงกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท คอมโมดิตี้ เพียงกองทุนเดียว ซึ่งลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิด สำหรับไว้รองรับความต้อง
การของลูกค้าที่ต้องการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เราจึงตัดสินใจที่จะเพิ่มทางเลือกการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ให้กับลูกค้าด้วยการออกกองทุนที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์รายตัว ซึ่งเราเลือกที่จะออกกองทุนทองคำ ก่อนและมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน”
“ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนควรมีไว้ในพอร์ตการลงทุนของตัวเอง นอกจากจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแล้ว ยังสามารถใช้เป็นสินทรัพย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่ดีตัวนึง และสามารถ ใช้กระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในหุ้นได้ดีเพราะมีความสัมพันธ์ (Correlation) กับตลาดหุ้น ค่อนข้างต่ำ การลงทุนในทองคำจึงตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี” นายวนา กล่าวเสริม
นอกจากนี้ นายวนา ยังมองว่าระดับราคาทอง ณ ปัจจุบันยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก “ถึงแม้ราคาทองในปัจจุบันได้ปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนนักลงทุนบางท่านลังเลที่จะเข้าลงทุน แต่เรา และนักวิเคราะห์หลายๆ แห่งยังคงมองว่าราคาทองคำยังไม่แพงเกินไปและมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ อีกด้วยหลายๆ ปัจจัย เช่น ธนาคารกลางหลายๆ ประเทศกลับมาถือทองคำมากขึ้น กระแสเงินลงทุนจากกองทุน Gold ETF ต่างๆ (ETF Inflows) ที่เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง แต่ supply มีจำกัดและมีต้นทุนการผลิตสูง เป็นต้น”
“กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ของเราแตกต่างจากกองทุนทองคำของบลจ.อื่นๆ ตรงที่เป็นกอง ทุนประเภท Multi-Class เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มที่ต้องการผลตอบแทนในรูปเงิน ปันผลและในรูปกำไรส่วนเกินทุน นอกจากนี้ ยังกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำไว้เพียง 1,000 บาทเท่านั้น” นายวนา กล่าวทิ้งท้าย
กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวประเภท Multi-Class ซึ่งแบ่งหน่วยลงทุนออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดจ่ายเงินปันผล และไม่จ่ายเงินปันผล มีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท และกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust (“กองทุนหลัก”) ที่จดทะเบียนซื้อขายใน
ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งโดยตรงเพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำในตลาดโลกหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกองทุน และมีความปลอดภัยในการลงทุนมากกว่ากองทุนทองคำและกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่มักจะลงทุนในตราสารหนี้และทำการ Swap ผลตอบแทน
นอกจากนี้ กองทุนหลักดังกล่าวยังเป็นกองทุน Gold ETF ที่ลงทุนในทองคำโดยตรงที่มีขนาดกองทุนใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ เป็นกองทุนยอดนิยมของนักลงทุนทั่วโลก และมีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่นฮ่องกง และสิงคโปร์ ปัจจุบัน กองทุนถือทองคำมากถึง 1.3 พันตัน ซึ่งเป็นมูลค่ามากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว (ที่มา: www.exchangetradedgold.com, www.spdrgoldshares.com และ Reuters)
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามและติดต่อจองซื้อหน่วยลงทุนได้ที่ งานบริการผู้ถือหน่วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ไทย) จำกัด โทร. 0-2676-7200 เครือข่ายสาขาทั่วประเทศของธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนอื่นๆ
กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ ถึงแม้ว่ากองทุนอาจป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน แต่เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลตอบแทนในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บุญญาพร วงษ์ใบแก้ว(จอย)
โทร 02-343-4965