นายบุญช่วย เจียดำรงค์ชัย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เตรียมวงเงินกว่า 32,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรหลังคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2553/54 รอบที่ 1 ในพื้นที่ที่เป็นแหล่งผลิตข้าวทั่วประเทศ ซึ่งหลักเกณฑ์การดำเนินงานกำหนดให้เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวปี 2553/54 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร และนำหนังสือรับรองขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวที่ออกโดยกรมส่งเสริมการเกษตรไปทำสัญญาประกันรายได้กับ ธ.ก.ส. โดยระยะเวลาขึ้นทะเบียนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมจังหวัดชุมพรเริ่มตั้งแต่ 1 มิ.ย. -30 พ.ย. 53 ยกเว้นภาคใต้เริ่ม 16 ก.ค. 53 - 31 มี.ค. 54 การจัดทำประชาคม 16 มิ.ย. - 31 ธ.ค. 53 ภาคใต้ 1 ส.ค. 53 - 15 เม.ย. 54 ออกใบรับรอง 16 มิ.ย. - 31 ธ.ค. 53 ภาคใต้ 1 ส.ค. 53 - 30 เม.ย. 54 จัดทำสัญญาประกันรายได้ 1 ก.ค. 53- 31 ม.ค. 54 ภาคใต้ 16 ส.ค. 53 - 31 พ.ค. 54 ระยะเวลาใช้สิทธิ 1 ส.ค. 53 - 15 มี.ค. 54 ภาคใต้ 16 ก.ย. 53 - 15 ก.ค. 54 และช่วงระยะเวลาประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิง 1 ส.ค. 53 - 15 มี.ค. 54 ภาคใต้ 16 ก.ย. 53 - 15 ก.ค. 54 ทั้งนี้กำหนดเงื่อนไขให้เกษตรกรเลือกระยะเวลาใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยวเป็นต้นไป และสามารถเปลี่ยนแปลงวันใช้สิทธิได้ก่อนถึงวันใช้สิทธิ 3 วันทำการ
สำหรับราคาประกันในปีนี้ กำหนดตามชนิดของข้าว ณ ความชื้นไม่เกิน 15% คือ ข้าวหอมมะลิราคา 15,300 บาท/ตัน ปริมาณไม่เกิน 14 ตันต่อครัวเรือน ข้าวหอมจังหวัดราคา 14,300 บาท/ตัน ปริมาณไม่เกิน 16 ตันต่อครัวเรือน ข้าวปทุมธานี 1 ราคา 11,000 บาท/ตัน ปริมาณไม่เกิน 25 ตันต่อครัวเรือน ข้าวเปลือกเจ้าราคา 10,000 บาท/ตัน ปริมาณไม่เกิน 25 ตันต่อครัวเรือน ข้าวเปลือกเหนียวราคา 9,500 บาท/ตันปริมาณไม่เกิน 16 ตันต่อครัวเรือน ซึ่งการกำหนดราคาประกันดังกล่าวคำนวณจาก ต้นทุนการผลิต+ค่าขนส่ง+กำไร 40%
นายบุญช่วยกล่าวต่อไปว่า ปีนี้คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าปีการผลิต 2552/53 เพราะมีฐานข้อมูลการดำเนินงานเดิมและเกษตรกรมีความเข้าใจขั้นตอนการร่วมโครงการมากขึ้น รวมทั้งได้วางแนวทางปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องเกษตรกร ขณะเดียวกันก็ได้เตรียมมาตรการป้องการความไม่ถูกต้องในเรื่องการแจ้งพื้นการเพาะปลูกมากกว่าที่ทำจริง โดยทำการสุ่มตรวจในทุกพื้นที่ รวมทั้งการกำหนดโทษกรณีแจ้งเท็จด้วยการปรับออกจากโครงการและการลงโทษทางกฎหมาย เป็นต้น ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากพี่น้องเกษตรกรให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ต่อตัวท่านเอง เพราะหากตรวจพบข้อมูลบิดเบือนก็จะเสียเวลาในการตรวจสอบเพิ่มขึ้นอีก
การดำเนินโครงการประกันรายได้ในส่วนของผลผลิตข้าวเปลือกปีนี้ คาดว่าจะมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 3,528,364 ราย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จำนวน 401,002 ราย และมันสำปะหลัง 448,042 ราย ทั้งนี้ผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 9 กันยายน 2553 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว 2,168,523 ราย จำนวนพื้นที่ 39.9 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวเปลือก 1,542,772 ราย จำนวนพื้นที่ 28.9 ล้านไร่ มันสำปะหลัง 291,742 ราย จำนวนพื้นที่ 4.8 ล้านไร่ และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 334,027 ราย จำนวนพื้นที่ 6.2 ล้านไร่ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้มีการส่งข้อมูลหลังการจัดทำประชาคมมายัง ธ.ก.ส. แล้วจำนวน 177,322 ราย พื้นที่ 3.5 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวเปลือก 99,573 ราย จำนวนพื้นที่ 2.2 ล้านไร่ มันสำปะหลัง 26,127 ราย จำนวนพื้นที่ 0.5 ล้านไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 51,622 ราย จำนวนพื้นที่ 0.8 ล้านไร่ ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้ดำเนินการจัดทำสัญญาประกันรายได้ในส่วนของมันสำปะหลังไปแล้ว 4,576 ราย ปริมาณผลผลิต 181,394 ตัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 7,320 ราย ปริมาณผลผลิต 59,749 ตัน ส่วนข้าวเปลือกคาดว่าจะเริ่มได้ทันที่ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการ นายบุญช่วยกล่าว