คาร์เธ่ย์ แปซิฟิค จะนำเครื่องบินดังกล่าวไปให้บริการครอบคลุมในเส้นทาการบินทุกเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นการบินไปยังภูมิภาคยุโรป ด้วยการออกแบบใหม่ล่าสุดและแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพใหม่ล่าสุดในการปฏิบัติการ พร้อมกับการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่น้อยลงพร้อมกับการปลดของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยลงเมื่อเทียบกับเครื่องบินในขนาดเดียวกัน สำหรับผู้โดยสารเองก็จะได้สัมผัสกับห้องโดยสารที่มีขนาดกว้างและมอบความสะดวกสบายที่เหนือกว่ามาตรฐานให้กับผู้โดยสาร ด้วยการออกแบบห้องโดยสารภายในที่กว้างขว้างและเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆมากมาย
มร.ไทเลอร์ กล่าวว่า “สำหรับเรา คาเธ่ย์ แปซิฟิค เรายินดีเป็นอย่างยิ่งในโอกาสในการทำข้อตกลงขั้นสุดท้าย ในครั้งนี้ โดยการซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุดในครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญในแผนการพัฒนาฝูงบินของเราเพื่อเป็นเครื่องมือรับประกันถึงความเป็นแถวหน้าของเราในอุตสาหกรรม เอ350 เป็นเครื่องบินที่เหมาะสมที่สุดในการดำเนินการของเรา ทั้งความสามารถในการบรรทุกผู้โดยสาร ระยะทางในการบิน และ ต้นทุนระบบปฏิบัติการที่ต่ำ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของฝูงบินขนาดกลางลำตัวกว้าง"
“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำข้อตกลงกับสายการบินที่มีชื่อเสียงและจัดการได้อย่างยอดเยี่ยม” จอห์น เลสลีย์ กล่าว “การเลือกเครื่องบิน เอ350 XWB ของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความได้เปรียบเทียบอย่างชัดเจนของผลิตภัณฑ์ ทั้งในแง่การเผาไฟม้เชื้อเพลิงที่ลดลง การลดค่าใช้จ่ายและความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นของห้องโดยสาร เรากำลังมองถึงเครื่องบินที่ถือได้ว่ามีส่วนสำคัญที่จะทำให้ส่ายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคเป็นแถวหน้าวงการอุตสาหกรรมการบินโลก ด้วยฝูงบินทีทันสมัยและปราศจาคมากที่สุดของโลก"
ตระกูล เอ350 XWB (Xtra Wide-Body) เป็นเครื่องบินขนาดกลางที่มี 3 แบบสามารถรองรับผู้โดยสารได้ระหว่าง 270 ถึง 350 คนนสามระดับชั้น โดยจะเริ่มเข้าสู่บริการในปีพ.ศ. 2553 โดยถือว่าเป็นโครงการผลิตเครื่องบินที่ประสบความสำเร็จที่สุด ด้วยคำสั่งซื้อกว่า 558 ลำ จากลูกค้า34 รายทั่วโลก
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:
เดชาวุธ วุฒิศิลป์ + 66 2 260 5820 ต่อ 120