กำหนดฉาย 20 มกราคม 2011
ความยาว 88 นาที
เว็บไซด์ภาพยนตร์ http://www.alphaandomega3d.com/
บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
อำนวยการสร้าง ริชาร์ด ริช (The Fox and the Hound)
กำกับ แอนโธนี่ เบล, เบน กลัค (The Rugrats, Brother Bear 2)
เขียนบท สตีฟ มัวร์ (Open Season)
ให้เสียงพากย์ ฮัมฟรีย์ จัสติน ลอง (Die Hard 4, He's Just Not That Into You)
เคท เฮย์เดน พาเนทเทียร์ (ซีรี่ย์ Heroes)
ลิลลี่ คริสติน่า ริชชี่ (Speed Racer, Penelope)
วินสตัน แดนนี่ โกลเวอร์ (Lethal Weapon ทั้งสี่ภาค)
เนื้อเรื่อง
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นสามมิติที่ได้ทีมนักแสดงชื่อดังมาให้เสียงพากย์อย่าง จัสติน ลอง จาก Die Hard 4 และ He's Just Not That Into You, เฮย์เดน พาเนทเทียร์ จากซีรี่ย์ Heroes, คริสติน่า ริชชี่ จาก Speed Racer และ Penelope, แดนนี่ โกลเวอร์ จาก Lethal Weapon ทั้งสี่ภาค และ เดนนิส ฮอปเปอร์ นักแสดงในตำนานผู้ล่วงลับ
ฮัมฟรีย์ (ให้เสียงโดย จัสติน ลอง) เป็นหมาป่ากลุ่มโอเมก้า เขามีไหวพริบและใช้ชีวิตกับฝูงหมาป่าวัยรุ่น คติพจน์ของเขาคือ “ทำให้ทุกคนหัวเราะ” ในขณะที่ เคท (ให้เสียงโดย เฮย์เดน พาเนทเทียร์) เป็นหัวหน้าหมาป่ากลุ่มอัลฟ่า เธอรู้หน้าที่ของตัวเองและมีระเบียบวินัย คติพจน์ของเธอคือ “ฉันคือเจ้านายทุกคน” แต่แล้ว เคท และ ฮัมฟรีย์ หมาป่าสองตัวที่ไม่มีอะไรเหมือนกัน ก็ถูกจับตัวโดยเจ้าหน้าที่เขตป่าสงวนและส่งถูกข้ามประเทศ ทำให้ทั้งคู่ต้องร่วมกันเดินทางไปกว่า 1,000 ไมล์เพื่อหาทางกลับบ้าน
ทั้งสองต้องออกผจญภัยข้ามภูเขาสูง เผชิญหน้ากับสิงห์รถบรรทุก หมีขี้โมโห ตัวเม่นเบื่อโลก และอีแร้งนักกอล์ฟที่มีเป็ดเป็นแค็ดดี้คู่ใจ ในขณะเดียวกันหมาป่าสองกลุ่มที่ขาดผู้นำก็เริ่มมีปัญญา และมีเพียง เคท และ ฮัมฟรีย์ เท่านั้นที่จะยุติเรื่องราวทั้งหมด... เพียงแต่พวกเขาต้องรีบกลับไปให้ทันนะ
จุดเริ่มต้น
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในฝูงเดียวกัน แต่ เคท และ ฮัมฟรีย์ สองตัวละครหลักใน Alpha and Omega มีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เคท เป็นหมาป่ากลุ่มอัลฟ่า เธอแข็งแกร่ง เป็นผู้นำที่ดูแลในเรื่องการออกล่าอาหาร ในขณะที่ ฮัมฟรีย์ เป็นหมาป่ากลุ่มโอเมก้า เชี่ยวชาญในการเล่นตลก หน้าที่ของเขาคือทำให้สมาชิกในฝูงครื้นเครง แต่เมื่อ ฮัมฟรีย์ และ เคท ต้องร่วมหัวจมท้ายเดินทางกลับบ้านด้วยกัน หลังจากถูกจับไปปล่อยในรัฐไอดาโฮ การผจญภัยและความสนุกก็เริ่มต้นขึ้น
จัสติน ลอง นักแสดงที่โด่งดังจากบทบาทใน Die Hard 4 และ He's Just Not That Into You ให้เสียงพากย์เป็น ฮัมฟรีย์ เผยว่า "เคท และ ฮัมฟรีย์ ต้องพบกับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการเดินทางข้ามประเทศเพื่อกลับบ้าน นี่คือการผจญภัยที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม
เฮย์เดน พาเนทเทียร์ นักแสดงสาวจากซีรี่ย์สุดฮิต Heroes ให้เสียงพากย์เป็น เคท เสริมว่า "ความตื่นเต้นจะเกิดขึ้นในทุกสถานที่ที่พวกเขาก้าวผ่าน การเดินทางทำให้ เคท และ ฮัมฟรีย์ เติบโตขึ้นในแนวทางที่ไม่มีใครคาดถึงมาก่อน"
สตีฟ มัวร์ ผู้เขียนบทให้กับแอนิเมชั่นเรื่องเยี่ยม Open Season ได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องราวของฝูงหมาป่า หลังจากเขาอ่านบทความของหน่วยงานรัฐบาล ที่พยายามแพร่พันธุ์หมาป่าที่กำลังสูญพันธุ์ไปจากรัฐไอดาโฮ "พวกเขาจับหมาป่ามาจากแคนาดา เอามาปล่อยที่รัฐไอดาโฮเพื่อแพร่พันธุ์ ผมเลยลองคิดดูว่าถ้าหมาป่าทั้งสองตัวนั้นไม่ถูกกันล่ะ ถ้าเกิดหมาป่าทั้งสองตัวที่ถูกนำมาปล่อยมีนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันก็น่าจะเป็นเรื่องราวที่สนุกและเปิดโอกาสให้เราทำอะไรได้มากมาย"
หนึ่งในสองผู้กำกับ แอนโธนี่ เบล อธิบายว่า "เคท เห็น ฮัมฟรีย์ เป็นหมาป่าที่ไม่เอาไหน เขาสถาปนาตนเองว่าเป็นเจ้าแห่งการเล่นตลก ในทางกลับกัน เคท มีความฝันในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า เธอเป็นตัวกำหนดอนาคตของฝูง และเธอก็กำลังถูกจับคู่กับลูกชายของหัวหน้าหมาป่าอีกฝูงนึง"
นอกจากความแตกต่างระหว่าง เคท และ ฮัมฟรีย์ ที่ต้องร่วมมือกันเพื่อเอาชนะอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามา ในการเดินทางกลับบ้านที่อุดมไปด้วยความสนุกและตื่นเต้น มันเป็นการผจญภัยที่ทำให้พวกเขาเข้าใจกันมากขึ้น และเป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งสองทำบางสิ่ง ซึ่งเป็นข้อต้องห้ามระหว่างหมาป่ากลุ่มอัลฟ่าและโอเมก้า
อีกหนึ่งผู้กำกับ เบน กลัค เผยว่า "เมื่อผมได้อ่านบทครั้งแรก ผมก็ได้ถึงความสำคัญของครอบครัว และการทลายกำแพงกั้นระหว่างคนในครอบครัว ผมคิดว่าสิ่งนี้มีความละเอียดอ่อนสำหรับหนังแอนิเมชั่นเรื่องหนึ่ง มันมีทั้งอารมณ์ร่วมที่ประทับใจและมุขตลกอีกมากมาย"
ผู้อำนวยการสร้าง ริชาร์ด ริช ที่เคยกำกับแอนิเมชั่นคลาสสิกเรื่อง The Fox and the Hound เล่าว่า "พวกเราให้เวลาในการสร้างบทภาพยนตร์ โดยมีโครงเรื่องที่เป็นเหมือนหัวใจอยู่ตรงกลาง พวกเราพยายามรักษาสมดุลระหว่างการผจญภัยและมุขตลก ในระหว่างการเตรียมงานสร้าง พวกเราพยายามนำองค์ประกอบที่เหมาะสมที่สุดมาใช้ จนในที่สุด Alpha and Omega ก็มีเรื่องราวที่กระชับ สนุก และอบอุ่นหัวใจ"
รองประธานบริษัท Lionsgate และเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง เคน คัตสุโมโต้ เผยว่า “พวกเราต้องการให้ Alpha and Omega เข้าถึงคนดูทุกกลุ่ม และบทภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีครบทุกองค์ประกอบ ผู้ชมรุ่นเยาว์ที่ชื่นชอบสัตว์ เด็กผู้ชายที่ชื่นชอบการผจญภัยและมุขตลก เด็กผู้หญิงที่ชอบเรื่องราวของความรัก และผู้ใหญ่ที่จะเข้าใจถึงแรงขับเคลื่อนภายในครอบครัว มันตอบทุกโจทย์ของความสนุกและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับทุกคน"
ทีมพากย์
เมื่อบทภาพยนตร์เป็นรูปเป็นร่างแล้ว สองผู้กำกับ แอนโธนี่ เบล และ เบน กลัค ก็ได้ออกตามหาทีมนักพากย์ที่จะมามอบชีวิตให้กับตัวละครในเรื่อง เบล เล่าว่า "พวกเราต้องการคนที่เข้ามาพากย์แสดงตัวตนของตัวเองออกมา พวกเขาต้องนำทั้งอารมณ์ร่วมและความเข้าใจเข้ามา เพื่อทำให้เราสร้างแอนิเมชั่นตามน้ำเสียงและท่าทางของพวกเขาได้"
ในการตามหาเสียงของ ฮัมฟรีย์ ทีมงานก็ได้ติดต่อไปหา จัสติน ลอง นักแสดงหนุ่มที่เป็นที่รู้จักในหนังสตูดิโอ เช่น He's Just Not That Into You, Die Hard 4 และ Dodgeball โดย ลอง พูดถึงตัวละครที่เขาพากย์ว่า "ผมคิดว่า ฮัมฟรีย์ เป็นตัวแสบเลยล่ะ (หัวเราะ) เขาเป็นพวกจอมปลุกปั่น ในขณะเดียวกันเขาก็พอใจกับชีวิต มีจิตใจที่อ่อนโยนและรักสนุก"
กลัค พูดถึงนักแสดงคนนี้ว่า "จัสติน ลอง เข้ามาทำให้ตัวละครนี้มีชีวิตชีวา เขาเชี่ยวชาญในเรื่องการดั้นมุขสด เขาพยายามหามุขที่ซ่อนอยู่ในบท และทำให้ตัวละครนี้มีความน่าสนใจขึ้นไปอีกระดับ"
ในขณะเดียวกัน เคท นักแสดงดาวรุ่งอย่าง เฮย์เดน พาเนทเทียร์ ก็ได้สร้างสมดุลระหว่างความมุ่งมั่นกับความอบอุ่นในตัวละคร เธอเล่าว่า "เคท เป็นลูกสาวของหัวหน้าฝูงหมาป่า เธอแข็งแกร่งและเข้มแข็ง เธอเป็นนักล่า มีความรับผิดชอบสูง และยังจริงจังกับชีวิต"
ด้วยภาระหน้าที่ของ เคท ในการแต่งงานกับ การ์ธ ลูกชายของฝูงหมาป่าฝ่ายตรงข้าม เพื่อที่จะรวมทั้งสองฝูงเข้าด้วยกันและทำให้ปัญหาเขตแดนสิ้นสุด มันเป็นสิ่งที่ เคท ต้องทำถึงแม้เธอจะไม่ได้รัก การ์ธ ก็ตาม โดย พาเนทเทียร์ อธิบายว่า "เคท มีความขัดแย้งภายในจิตใจ เธอมีหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อสมาชิกในฝูง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องการ"
คัตสุโมโต้ พูดถึงการได้ พาเนทเทียร์ มาให้เสียงพากย์ว่า "เช่นเดียวกับ จัสติน เพราะ เฮย์เดน เข้ามามอบชีวิตให้กับ เคท เธอทำให้ตัวละครนี้มีความแข็งแกร่งแต่ก็ยังอ่อนโยน เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นตัวละครที่เป็นต้นแบบให้กับวัยรุ่นหญิงในปัจจุบัน เธอนำความลึกและความเข้าใจเข้ามาใส่ในตัวละคร"
นักแสดงที่เป็นที่รู้จักจากบทบาทที่หลากหลาย คริสติน่า ริชชี่ เข้ามาให้เสียงพากย์เป็น ลิลลี่ น้องสาวของ เคท ที่เป็นหมาป่ากลุ่มโอเมก้าเช่นเดียวกับ ฮัมฟรีย์ โดย คริสติน่า พูดถึงตัวละครนี้ว่า "ลิลลี่ ไม่เหมือนกับตัวจริงของฉันเลยสักนิด (หัวเราะ) เธอเป็นหมาป่าสาวที่เงียบขรึมและไร้เดียงสา แต่ฉันก็สนุกกับการให้เสียงพากย์เป็นเธอนะ"
ช่วงแรกของการพากย์เสียงเป็น ลิลลี่ ผู้กำกับก็พบว่าเสียงของ ริชชี่ มีความคล้ายกับเสียงของ เฮย์เดน การเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น ริชชี่ ต้องทดลองใช้เสียงเด็กที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ กลัค เล่าว่า "คริสติน่า นำเอาเสียงที่ฟังดูไร้เดียงสาเข้ามาใช้กับตัวละคร ทำให้ ลิลลี่ มีความน่ารักสดใสและพิเศษขึ้นมาทันที"
ในขณะที่ เคท และ ฮัมฟรีย์ พยายามเดินทางข้ามประเทศเพื่อกลับบ้าน ลิลลี่ ก็มีหน้าที่ในการรับหน้า การ์ธ ลูกชายหัวหน้าฝูงหมาป่าฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่ เคท จะเดินทางกลับมา ซึ่งผลลัพท์ก็ทำให้เกิดเรื่องราวความรักอีกคู่นแบบไม่คาดคิด
คริส คาร์แม็ค นักแสดงจากซีรี่ย์ The O.C. ให้เสียงเป็น การ์ธ เล่าถึงตัวละครที่เขาเข้ามาพากย์ว่า "การ์ธ พบว่าความบ๊องและความน่ารักของ ลิลลี่ เริ่มทำให้เขาตกหลุมรักเธอ มันเป็นความรักในอีกรูปแบบนึง มันไม่ใช่การที่คุณจะต้องอยู่กับคนที่คุณ "คิด" ว่าใช่ แต่เป็นการอยู่กับคนที่คุณ "รู้สึก" ว่าใช่ นี่เป็นเรื่องราวของความรักที่ถูกพัฒนาขึ้นมา"
นักแสดงมือเก๋าอีกสองคน แดนนี่ โกลเวอร์ และ เดนนิส ฮอปเปอร์ (ในการทำงานเรื่องสุดท้ายของเขา) ก็เข้ามาเติมเต็มให้กับทีมนักพากย์ ด้วยการให้เสียงเป็นหัวหน้าหมาป่าทั้งสองฝูง โดย โกลเวอร์ ซึ่งให้เสียงเป็น วินสตัน พ่อของ เคท ก็ได้นำอำนาจในเสียงที่ผสมผสานกับความเห็นใจเข้ามาใส่ในตัวละคร โกลเวอร์ เผยว่า "เขาเป็นหมาป่าที่มีเกียรติและมีสเน่ห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้มีในชีวิตจริง (หัวเราะ)"
ในขณะเดียวกัน เดนนิส ฮอปเปอร์ ก็ได้ให้เสียงของหัวหน้าฝูงหมาป่าฝ่ายตรงข้าม ที่เดินอยู่บนเส้นแบ่งของความเป็นผู้ร้ายกับความน่าเห็นใจ เบล พูดถึงการทำงานของนักแสดงผู้ล่วงลับว่า "เดนนิส มีความเป็นอัจฉริยะในการหาความรู้สึกระหว่างบรรทัด และทำให้ตัวละครตัวนี้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น"
การแสดงด้วยการใช้แต่เสียง ทำให้ทีมนักแสดงพบกับความท้าทายที่แตกต่างออกไป โดยพวกเขาต้องสื่อสารออกมาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อแสดงออกให้เห็นถึงความคิดของตัวละครและความรู้สึกทั้งหมด โดยผ่านทางเสียงเพียงอย่างเดียว กลัค เล่าว่า "ถ้าคุณมีบทพูดที่ต้องแสดงอารมณ์ มันก็ต้องถูกถ่ายทอดด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว นี่ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับนักแสดง แต่ก็โชคดีว่าพวกเขาสามารถทำมันได้อย่างไม่มีที่ติ"
ด้วยความที่นักแสดงทุกคนต้องอัดเสียงในห้องบันทึกเสียง พวกเขาจึงไม่มีปฏิสัมพันธ์กับนักแสดงคนอื่น คาร์แม็ค เล่าถึงประสบการณ์ว่า "ผมเคยแต่ทำงานร่วมกับนักแสดงคนอื่น แต่ในเรื่องนี้คุณไม่สามารถทำแบบนั้นได้ มันให้ความรู้สึกเหมือนคุณอยู่ในห้องปิดตายคนเดียว คุณต้องแสดงออกหลายระดับและหวังว่ามันจะออกมาถูกต้องตามที่ทุกคนต้องการ"
ถึงแม้จะมีความท้าทาย แต่นักแสดงทุกคนก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่ต่างจากการเข้ามาทำงานในกองถ่าย คริสติน่า ริชชี่ เล่าว่า "คุณต้องเข้ามาทำงานด้วยความเตรียมพร้อม ทั้งการแต่งหน้าและทำผม และยังต้องมีการแสดงออกท่าทางในห้องบันทึกเสียง ซึ่งฉันคิดว่าไม่แตกต่างจากการแสดงหนังเลย"
อิสระในการให้เสียงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเรื่องราว อย่างเช่นตัวละครสองตัวอย่าง มาร์เซล ห่านสัญชาติฝรั่งเศส และ แพ็ดดี้ เป็ดสัญชาติโคลัมเบีย ที่แข่งกอล์ฟกันตลอดทั้งเรื่อง เบล และ กลัค ไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาอีท่าไหน จนกระทั่งได้นักแสดงตลกอย่าง ลาร์รี่ มิลเลอร์ และ เอริค ไพรซ์ เข้ามาให้เสียง กลัค เล่าว่า "พวกเขามีมุมมองที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง และเริ่มที่จะดั้นมุขสดกันเอง พวกเราก็เลยตัดสินใจเขียนฉากใหม่ๆให้กับตัวละครทั้งสอง"
โปรดักชั่น
Alpha and Omega เป็นแอนิเมชั่นสามมิติของสตูดิโอ Crest Animation Productions โดยในขณะที่แอนิเมชั่นทั่วไปจะใช้เวลาประมาณสามปีในการสร้าง ทีมงานของ Alpha and Omega ซึ่งมีความเพียบพร้อมก็สามารถทำให้เสร็จภายในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง โดยสองผู้กำกับที่ประจำการอยู่ในแอลเอ ได้ส่งคลิ๊ปวิดีโอของทีมงานที่แสดงท่าทางในแต่ละฉาก ไปให้กับทีมแอนิเมชั่นเพื่อความเข้าใจในการสร้างให้มากขึ้น ผู้อำนวยการสร้าง ริชาร์ด ริช เผยว่า "การทำแบบนี้ทำให้คนทำแอนิเมชั่นสามารถจับเอาความรู้สึก และการแสดงออกทางสีหน้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อพวกเขาส่งกลับมาให้เราดู มันก็เป็นอย่างที่เราต้องการ"
อีกสิ่งที่แตกต่างจากแอนิเมชั่นสามมิติเรื่องอื่น คือการที่ Alpha and Omega ไม่พยายามเลียนแบบจากสภาพแวดล้อมจริง โดย กลัค และ เบล ต้องการให้ภาพเหมือนสีระบายน้ำ เบล อธิบายว่า "พวกเราต้องการสไตล์แอนิเมชั่นที่ผู้ชมดูแล้วรู้สึกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ให้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังดูภาพสีน้ำกำลังเคลื่อนไหว พวกเราสร้างตัวละครหมาป่าที่ดูแล้วมีความแตกต่าง มันคือโลกอีกใบหนึ่งที่คนดูจะรู้สึกทึ่ง และเป็นสถานที่ที่พวกเขาอยากเข้าไปอยู่"
Alpha and Omega ใช้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเป็นฉากหลังของเรื่อง การสร้างหุบเขาที่ยิ่งใหญ่และลำธารที่สะท้อนแสงเป็นประกาย กระบวนการในการสร้างถูกกระตุ้นด้วยบนนดาตัวละครที่มีชีวิตชีวา และทำให้ เบล และ กลัค รู้สึกภูมิใจกับหนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้ เบล เผยว่า "สเน่ห์ของการเขียนลายเส้นและเปลี่ยนให้เป็นภาพเคลื่อนไหว เป็นสิ่งที่ทำให้เราแทบหยุดหายใจ การทำให้ภาพเชื่อมต่อกับคนดูด้วยจิตใจ มันไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว"
Alpha and Omega หลีกเลี่ยงการใช้มุขตลกหยาบคายและเรื่องราวที่ซับซ้อนเกินไป เพื่อให้ความสนใจไปที่เรื่องราวในแนวทางคลาสสิก ที่จะทำให้ผู้ชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ดูได้ กลัค เล่าว่า "เคท และ ฮัมฟรีย์ มีนิสัยตรงกันข้าม พวกเขาเลยได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และพบว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือกันและกัน"
ริช อธิบายว่า "นี่คือองค์ประกอบที่ทำให้ Alpha and Omega เป็นหนังแอนิเมชั่นคลาสสิก เพราะมันเอื้อมไปถึงหัวใจและมีมุขตลกที่ไม่มีวันเชย พวกเราพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ตลกและลักษณะพิเศษของตัวละคร และนั้นก็คือสิ่งที่ทำให้ตัวละครเหล่านี้จะอยู่ในใจของผู้ชมตลอดไป"
คัตสุโมโต้ เผยว่า "สิ่งที่เราพบหลังจากการฉายรอบทดลองไปก็คือ ผู้ชมทุกคนเดินออกจากโรงภาพยนตร์ด้วยความสุข เพราะนี่คือแอนิเมชั่นฟีลกู้ด มันช่วยเสริมสร้างกำลังใจ และทำให้เราเชื่อว่าทุกคนสามารถทำสิ่งที่ตั้งเป้าให้สำเร็จได้ ตราบใดที่ยังมีความพยายาม"
ทีมงานทุกคนหวังว่า Alpha and Omega จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมทุกรุ่น จัสติน ลอง กล่าวว่า "มันเกี่ยวกับการกล้าที่จะก้าวออกมาจากคม กล้าที่จะก้าวออกมาจากฝูง และปลดโซ่ที่พันธนาการตัวเองอยู่ มันเกี่ยวกับความเป็นอิสระที่เราทุกคนควรได้รับ"
เบล กล่าวสรุปว่า "ทุกอย่างในการผจญภัยที่ เคท และ ฮัมฟรีย์ ต้องเผชิญ และข้อต้องห้ามที่ไม่สามารถเกิดขึ้นในฝูงหมาป่า พวกเขาตัดสินใจว่าความรักเท่านั้นที่สามารถเอาชนะทุกสิ่ง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ขอให้คุณเดินตามหัวใจและมันก็จะนำคุณไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องเอง"
ทีมนักพากย์
จัสติน ลอง (ให้เสียงเป็น ฮัมฟรีย์)
จัสติน ลอง กำลังเป็นหนึ่งในนักแสดงซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในฮอลลีวู้ด เมื่อเร็วๆ นี้เขาเพิ่งเสร็จสิ้นการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Conspirator ที่มีการฉายครั้งแรกในปี 2010 ในงาน Toronto International Film Festival กำกับโดย โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ลองแสดงในภาพยนตร์ร่วมกับ โรบิน ไรท์, เจมส์ แมคเอวอย และ อีวาน ราเชล วูด
ในปี 2009 ลอง ปรากฏตัวให้เห็นในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมไปถึงภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือยอดนิยมเรื่อง He’s Just Not That Into You โดยเป็นส่วนหนึ่งของนักแสดงทั้งหมดที่แสดงร่วมกับ เบ็น เอฟเฟล็ก, เจนนิเฟอร์ อนิสตัน, ดรูว์ แบร์รี่มอร์, จินนิเฟอร์ กูดวิน และ สการ์เล็ตต์ โจฮานส์สัน และแสดงนำร่วมกับ เอลิสัน โลห์แมน ในผลงานหนังสยองขวัญของ แซม ไรมี่ย์ เรื่อง Drag Me to Hell
เขายังได้แสดงภาพยนตร์แอ็คชั่นในปี 2007 เรื่อง Live Free or Die Hard ร่วมกับ บรูซ วิลลิส และให้เสียงพากย์เป็น แอลวิน ในภาพยนตร์สุดฮิตเรื่อง Alvin and the Chipmunks และ Alvin and the Chipmunks: The Squeakquel รวมถึงการให้เสียงพากย์เป็น เลม ในแอนิเมชั่นเรื่อง Planet 51
ในปี 2001 ลอง แสดงนำในภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Jeepers Creepers โดยยังมีผลงานเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น Galaxy Quest ที่ได้แสดงร่วมกับ ทิม อัลเลน และ ซิเกอร์นี่ วีเวอร์ รวมถึงซีรี่ย์สุดฮิตเรื่อง Ed ที่เขารับบทเป็นนักเรียนเนิร์ดทื่ชื่อ วอร์เรน เชสวิค โดย อลง นั้น แจ้งเกิดมาจากการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ Apple Mac
เฮย์เดน พาเนทเทียร์ (ให้เสียงเป็น เคท)
เกิดวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1989 เป็นนักแสดงและนักร้องชาวอเมริกัน และยังเคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ผลงานที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีก็คือซีรี่ย์เรี่อง Heroes โดยเธอรับบทเป็น แคลร์ เบนเนท เชียร์ลีดเดอร์ประจำโรงเรียนที่มีความสามารถพิเศษในการฟื้นฟูร่างกายได้เร็วกว่าคนปกติ
เร็วๆนี้เธอยังจะมีผลงานในหนังสยองขวัญของผู้กำกับ เวส คราเว่น เรื่อง Scream 4 โดยแสดงร่วมกับ เนฟ แคมป์เบลล์, คอร์ทนี่ย์ ค็อกซ์, เดวิด อาร์เคว็ตต์ โดยเธอยังมีผลงานการแสดงในเรื่อง I Love You, Beth Cooper ของผู้กำกับ คริส โคลัมบัส และ Fireflies in the Garden ที่นำแสดงโดย ไรอัน เรยโนลด์, วิลเล่ม เดโฟ และ จูเลีย โรเบิร์ต
นอกจากผลงานการแสดงแล้ว เฮยเดน ยังเคยมีผลงานการพากย์มาแล้ว เช่น A Bug's Life, Dinosaurs โดยเธอเกิดในเมืองนิวยอร์ก และเรียนชั้นมัธยมต้นที่ เซาธ์ ออเร็นจ์ทาวน์ ส่วนในการเรียนระดับมัธยมปลายนั้น เฮย์เดน เรียนแบบโฮมสกูล และหลังจากจบมัธยมปลายเธอไม่ได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่เลือกที่จะเป็นนักแสดง อย่างไรก็ตามเธอก็ยังสนใจที่จะเรียนต่อในอนาคต
คริสติน่า ริชชี่ (ให้เสียงเป็น ลิลลี่)
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ คริสติน่า ริชชี่ คือหนังโรแมนติก/คอมเมดี้เรื่อง Penelope โดยร่วมแสดงกับ รีซ วิทเธอร์สปูน และ เจมส์ แมคเอวอย และ Black Snake Moan ของผู้กำกับ เครก บรูเวอร์ นำแสดงโดย ซามูแอล แอล แจ๊คสัน โดยก่อนหน้านี้เธอยังได้ร่วมแสดงในหนังดราม่าคุณภาพเรื่อง Monster โดยร่วมแสดงกับ ชาร์ลิซ เธียรอน ที่ได้รับรางวัลออสการ์
ริชชี่ ได้รับความสนใจตั้งแต่ยังเด็ก โดยเริ่มแจ้งเกิดจากหนังเรื่อง Mermaids โดยร่วมแสดงกับ แชร์ และ วิโนน่า ไรเดอร์ รวมถึงบทบาทที่เธอแสดงเป็น เวนสเดย์ อดัมส์ ที่สวยแต่แปลกในผลงานของ แบร์รี่ ซันเนนฟิล์ด เรื่อง The Addams Family และภาคต่อ Addams Family Values เธอยังร่วมแสดงในภาพยนตร์สุดฮิตในช่วงซัมเมอร์ปี 95 เรื่อง Casper ซึ่งเช่นเดียวกันกับเรื่อง The Addams Family ทำรายได้รวมกันเกินกว่า 100 ล้านเหรียญ และทำให้ ริชชี่ ได้รับรางวัล NATA ShowEast Star of the Year Award และรางวัล Star of Tomorrow Award จาก the Motion Picture Booker’s Club สำหรับผลงานทั้งสามเรื่องของเธอ
เธอได้รับบทบาทที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในปี 1997 ในผลงานของ อัง ลี เรื่อง The Ice Storm ร่วมกับ เควิน ไคลน์, ซิเกอร์นี่ วีเวอร์, โจแอน อัลเลน และ อีไลจา วู้ด รวมไปถึงได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลลูกโลกทองคำในสาขาดารานำหญิง รางวัล American Comedy Award และรางวัล Independent Spirit Award เธอยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ของ วินเซนต์ กัลโล ในเรื่อง Buffalo 66 และได้รับรางวัล National Board of Review Best Supporting Actress Award สำหรับความสามารถที่หลากหลายของเธอจากภาพยนตร์เรื่องนั้น ภาพยนตร์เรื่อง The Opposite of Sex และผลงานของ จอห์น วอเตอร์ส เรื่อง Pecker
ผลงานสร้างชื่อเรื่องอื่น ๆ ของเธอยังรวมไปถึงผลงานภาพยนตร์โรแมนติคคอมเมดี้ของ วู้ดดี้ อัลเลน เรื่อง Anything Else ผลงานของ แซลลี่ พอตเตอร์ เรื่อง The Man Who Cried และผลงานของ ทิม เบอร์ตัน เรื่อง Sleeppy Hollow ที่เธอร่วมแสดงกับ จอห์นี่ เดปป์ นอกจากนั้นยังได้ร่วมแสดงได้ผลงานของ เทอร์รี่ กิลเลี่ยม เรื่อง Fear and Loathing in Las Vegas โดยนอกเหนือไปจากอาชีพทางการแสดงแล้ว ริชชี่ ยังรับหน้าที่เป็นโฆษกสำหรับองค์กร Rape, Abuse & Incest National Network (RAINN) และเป็นสมาชิกขององค์กร National Leadership Council อีกด้วย
แดนนี่ โกลเวอร์ (ให้เสียงเป็น วินสตัน)
ผลงาน >>> Lethal Weapon I-IV, Predator II, Antz (ให้เสียง), The Prince of Egypt (ให้เสียง)
เดนนิส ฮอปเปอร์ (ให้เสียงเป็น โทนี่)
ผลงาน >>> Waterworld, Blue Velvet, Easy Rider, Hoosiers, True Romance, Apocalypse Now
คริส คอร์แม็ค (ให้เสียงเป็น การ์ธ)
ผลงาน >>> The O.C. (ซีรี่ย์), Smallville (ซีรี่ย์), CSI: Miami (ซีรี่ย์), Desperate Housewives (ซีรี่ย์)
ทีมสร้าง
แอนโธนี่ เบล (ผู้กำกับร่วม)
ผลงาน >>> Wild Thornberrys, Barnyard, Boondocks
เบน กลัค (ผู้กำกับร่วม)
ผลงาน >>> Brother Bear 2
สตีฟ มัวร์ (ผู้เขียนบท)
ผลงาน >>> Open Season
ริชาร์ด ริช (ผู้อำนวยการสร้าง)
ผลงาน >>> The Fox and The Hound, The King and I, The Trumpet of the Swan
โดนัลด์ ทาวน์ (ผู้กำกับศิลป์)
ผลงาน >>> Beauty and The Beast, Aladdin, The Little Mermaid