สภาที่ปรึกษาฯ แถลงข่าวความเห็นและข้อเสนอแนะ การให้ความช่วยเหลือกรณีวิกฤตภัยธรรมชาติในญี่ปุ่น

พฤหัส ๓๑ มีนาคม ๒๐๑๑ ๑๖:๐๘
เมื่อวันพุธที่ 30 มี.ค. สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดย นายโอกาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางภรณี ลีนุตพงษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาฯ ศาสตรเมธี ดร.สุปรีดิ์ วงศ์ดีพร้อม สมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ และรศ.ดร.ใยอนงค์ ทิมสุวรรณ ประธานคณะทำงานโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคมและพลังงาน แถลงข่าวความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่อง “แนวทางความร่วมมือและการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศญี่ปุ่น กรณี : วิกฤตภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวและสึนามิ”

ซึ่งสภาที่ปรึกษาฯ ได้เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2554 โดยก่อนหน้านี้

สภาที่ปรึกษาฯ ได้เข้าพบอุปทูตญี่ปุ่นนายทาเคชิ โอกาดะ เพื่อปรึกษาหารือถึงลักษณะและรูปแบบของความช่วยเหลือที่ประเทศญี่ปุ่นต้องการพร้อมมอบเงินช่วยเหลือความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ดังนี้

๑. รัฐบาลไทยควรนำเสนอให้ประเทศไทยเป็นแหล่งพำนักชั่วคราวเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจแก่ชาวญี่ปุ่นผู้ซึ่งประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ มีแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้

๑) กลุ่มเป้าหมายชาวญี่ปุ่นที่จะมาพำนักในไทย เน้นกลุ่มผู้สูงอายุ เด็ก สตรี และครอบครัวคนไทยที่สมรสกับชาวญี่ปุ่น เป็นต้น โดยให้รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกและจัดส่งผู้ประสบภัยดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระในการดูแลของรัฐบาลญี่ปุ่น อันจะทำให้เกิดความคล่องตัวในการฟื้นฟูประเทศได้สะดวกขึ้น

๒) แหล่งพำนักอาศัยของชาวญี่ปุ่นในไทยควรพิจารณาจากสถานที่พักของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่เหมาะสมจะใช้เป็นที่พำนักระยะยาว (Long stay หรือ Home stay) โดยรัฐเป็นผู้สนับสนุนค่าที่พักในอัตราที่มีส่วนลดพิเศษสุด หรืออาจเลือกใช้สถานที่พักขนาดใหญ่ของรัฐที่มีสภาพดีและมีศักยภาพในการรองรับ เช่น หมู่บ้านนักกีฬา เป็นต้น หรืออาจใช้ความร่วมมือจากครอบครัวคนไทยในลักษณะโครงการครอบครัวไทยใจอาสารับผู้ประสบภัยญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างทั้งสองประเทศที่ดี ทั้งนี้ ไม่ควรก่อสร้างที่พำนักใหม่ และควรมีการตรวจสอบแหล่งที่พำนักเตรียมความพร้อมเพื่อการรองรับอย่างมีประสิทธิภาพ

๓) ระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือ ควรร่วมพิจารณากับรัฐบาลหรือหน่วยงานญี่ปุ่นเพื่อกำหนดกรอบที่เหมาะสม โดยอาจพิจารณาจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาแก่ชาวญี่ปุ่น เช่น ภูมิอากาศที่หนาวเย็น มลภาวะ แผนการควบคุมการรั่วไหลของกัมมันตรังสี แผนในการก่อสร้างบูรณะเมือง การขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า ที่พำนัก อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น ทั้งนี้ หากกรอบระยะเวลาดังกล่าวมีระยะเวลายาว รัฐบาลไทยอาจช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงต้น เช่น ในระยะ ๓-๖ เดือนแรก ส่วนระยะเวลาที่เหลือ รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายเอง (ในราคาลดพิเศษสุด) หรืออาจอยู่ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างสองประเทศ หรือ ประเทศอื่นๆ ร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายก็ได้

๔) การเคลื่อนย้ายประชาชนชาวญี่ปุ่นสู่ประเทศไทย ควรเตรียมมาตรการในการออกวีซ่าที่เหมาะสม ทั้งระยะเวลา (เช่น ๑ ปี) กติกา ที่สะดวก รวดเร็ว รวมทั้งอาจพิจารณาให้กองทัพอากาศและกองทัพเรือไทยช่วยสนับสนุนการเคลื่อนย้าย

๕) การจัดตั้งศูนย์ในการบริหารจัดการความร่วมมือการให้ความช่วยเหลือฯ อย่างเป็นระบบ รัฐควรเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างมีระบบ โปร่งใส ไม่ว่าจะเป็นความต้องการจากภาคส่วนต่างๆ ภายในประเทศไทยหรือจากต่างประเทศ เช่น ด้านสาธารณสุข การฟื้นฟูสภาพร่างกาย การผ่อนคลายสภาพจิตใจ การสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการยังชีพ โดยหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชน เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการอย่างมีส่วนร่วมของไทยนี้สามารถทำได้ง่ายกว่าและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า หากชาวญี่ปุ่นมาพำนักในไทย

๖) รูปแบบของการให้ความช่วยเหลือต้องคำนึงถึงวัฒนธรรม ธรรมเนียมปฏิบัติ ค่านิยม และวิถีแนวคิดของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อการรับความช่วยเหลือ ซึ่งต้องแสดงออกถึงการให้เกียรติแก่ผู้ประสบภัยด้วย

๒. การจ้างผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นในสาขาเฉพาะทางที่ประเทศไทยไม่มีความพร้อมซึ่งเป็นความต้องการทั้งในส่วนภาครัฐหรือภาคเอกชนไทย ให้เดินทางมาพำนักและทำงานในประเทศไทยชั่วคราว โดยอาจเป็นการช่วยเหลือผู้เชี่ยวชาญที่สังกัดในบริษัทหรือหน่วยงานที่เกิดผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ทั้งยังเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นสู่ไทย

๓. ความร่วมมือทางวิชาการในการดำเนินงานวิจัยและการศึกษา ระหว่างสถาบันหรือหน่วยงานทางการศึกษาของไทยและญี่ปุ่น ซึ่งมีการวางแผนงานโครงการอยู่แล้ว ให้สามารถเริ่มดำเนินงานได้โดยทันทีหรือโดยเร็วก่อนกำหนดการเดิมที่วางไว้

๔. ออกมาตรการเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่น เพื่อย้ายฐานการผลิตจากญี่ปุ่นมาประเทศไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้าน IT รวมทั้งการวางแผนการบริหารจัดการแรงงานไทยเพื่อรองรับอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อนักลงทุนไทยด้วย

สำหรับปัญหาอันเกิดจากภัยธรรมชาติที่ประเทศไทยกำลังประสบอยู่ ณ ขณะนี้ ภาคใต้ประสบปัญหาอย่างรุนแรงสภาที่ปรึกษาฯ ตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องภาคใต้ ซึ่งกำลังพิจารณาแนวทางการแก้ไขและให้ความช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่ต่อไป

นางภรณี ลีนุตพงษ์ ได้เสนอความเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับปัญหากรณีจังหวัดนครศรีธรรมราช สรุปได้ ดังนี้

๑. การรณรงค์ตลอดจนป้องกันปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า จะช่วยป้องกันปัญหาน้ำท่วมและดินถล่มได้รวมทั้งการปลูกฝังการอนุรักษ์ธรรมชาติ ปลูกจิตสำนึกให้คนในพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ

๒. ควรอนุรักษ์ให้ป่าพรุควนเคร็ง เป็นพื้นที่รองรับน้ำ ควรมีทำนบดินเพื่อให้น้ำอยู่ในพื้นที่ป่าพรุ ไม่ปล่อยให้ประชาชนเข้ามาทำการเกษตร เพราะจะมีการระบายน้ำออกจากพื้นที่ ทำให้ป่าพรุควนเคร็ง ขาดความชุ่มน้ำ ซึ่งเดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นแก้มลิงธรรมชาติ เมื่อน้ำท่วมขังแล้วจะไหลลงทะเลตามธรรมชาติ

๓. ควรกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับพื้นที่ที่เหมาะสม และไม่เหมาะสมในการปลูกพืช เช่น ไม่ให้ปลูกพืชในพื้นที่ลุ่มกำหนด Zoning ในการปลูกพืช เพื่อลดการบุกรุกป่าเข้าไปในพื้นที่ชุมน้ำ

๔. ควรมีการจัดทำผังเมืองและระบบระบายน้ำของชุมชน มีการจัดการลำน้ำสาขาที่อยู่ในพื้นที่ เพื่อให้เป็นที่ระบายน้ำ รวมทั้งออกกฎหมายควบคุมอาคารและมีการจัดการที่เข้มงวด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๙ อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud