ต้องเท้าความกันสักเล็กน้อยว่า พระเอกหนุ่มใหญ่เจ้าของรางวัลออสการ์ — เมล กิบสัน กำลังเจอมรสุมชีวิตอย่างหนัก หลังจากที่เว็บไซต์แห่งหนึ่งเผยแพร่เทปสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างกิบสันและภรรยา ซึ่งเต็มไปด้วยข้อความข่มขู่อันหยาบคาย จนเขาโดนตั้งข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัว ผลของการฟ้องร้องกับภรรยา กิบสันต้องถูกวางทัณฑ์บน โดยก่อนหน้านี้ เมล กิบสัน เคยมีคดีความเรื่องเมาเหล้า และการแสดงทัศนคติในแง่ลบ ทั้งการเหยียดหยามทางเพศ เหยียดสีผิว และเหยียดเกย์ จนโดนสื่อและแฟนหนังต่อต้าน
เมล กิบสัน อาจจะกลับมายืนในตำแหน่งเดิม (พระเอกและผู้กำกับเนื้อหอมของสตูดิโอ) ได้ยากเหลือเกิน โจดี้ฟอสเตอร์ หนึ่งในนักแสดงและเพื่อนสนิท ผู้ออกมาให้กำลังใจกิบสันมาโดยตลอด กล่าวกับนักข่าวในวันฉาย The Beaver ที่งาน SXSW ว่า “เราทุกคนย่อมต้องผ่านมรสุมลูกใหญ่ของชีวิตด้วยกันทั้งนั้น สิ่งที่เมลเจอ ก็เป็นเรื่องธรรมดา คนเมาทุกคนก็พูดจาแย่ๆ ทั้งนั้นแหละ
“ตอนนี้เมลต้องยอมรับในสิ่งที่เขาทำ และหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ รวมถึงให้กำลังใจเขา” โจดี้ ฟอสเตอร์กล่าวเป็นความบังเอิญที่ชวนหัวจริงๆ เมื่อพล็อตของหนังเรื่อง The Beaver นั้นคล้ายคลึงกับสิ่งที่เมล กิบสันกำลังประสบพอดี มันเป็นเรื่องของ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่เจอวิกฤติวัยกลางคน จนต้องแยกทางกับภรรยา ลูกชายทั้ง 2 คนบอยคอตเขา จนเขาต้องระเห็จออกจากบ้านไปใช้ชีวิตอย่างสติแตกเพียงลำพัง แต่ปัญหาเหล่านั้นกำลังจะคลี่คลายได้ เพราะเขามีตัวช่วยสำคัญคือ ตุ๊กตาบีเวอร์ที่เขาเจอในถังขยะ เจ้าตุ๊กตาตัวนี้จะช่วยให้เขาได้ระบายในสิ่งที่เขาอัดอั้นตันใจ และไม่เคยเปิดเผยให้คนที่เขารักได้รับรู้มาก่อน
เสียงตอบรับของ The Beaver เป็นไปได้สวยที่งาน SXSW มันเป็นหนังที่เสนอทางออกให้กับภาวะที่ชีวิตกำลังหลงทาง ซึ่งทุกคนต้องเคยเจอ ความจัดจ้านของนักแสดงนำ (คือฟอสเตอร์และกิบสัน) บวกกับบทภาพยนตร์ที่เฉียบคม ทำให้ The Beaver เป็นหนังเล็ก-ดาราใหญ่ที่คนดูรัก
The Beaver จะเป็นผลงานสั่งลาวงการของเมล กิบสันหรือไม่ และเมล กิบสันสามารถเล่นบทที่คล้ายคลึงกับชีวิตจริงของเขาได้สะเทือนอารมณ์แค่ไหน หาคำตอบในโรงภาพยนตร์ ซึ่งมงคลเมเจอร์วางคิวฉายไว้พฤษภาคมนี้