นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอร่างวาระแห่งชาติด้านวัคซีนต่อคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2554 คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบในหลักการต่อวาระแห่งชาติด้านวัคซีน รวมทั้งสนับสนุน 4 ยุทธศาสตร์หลัก และโครงการสำคัญทั้ง 10 โครงการ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนา ผลิต การควบคุมกำกับคุณภาพวัคซีนให้ได้มาตรฐานสากล รวมถึงการใช้วัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การดำเนินโครงการวาระแห่งชาติด้านวัคซีนภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนได้ 9 ชนิดที่ป้องกันได้ถึง 7 โรค
โดยแบ่งออกเป็นช่วง 4 ปีแรก จะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ, โรคบาดทะยัก, โรคไอกรน และโรคตับอักเสบบี ภายใน 5 ปี จะสามารถขยายกำลังการผลิตวัคซีนบีซีจี ป้องกันวัณโรค, วัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์, วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบเจอีที่ผลิตจากเซลล์เพาะเลี้ยงได้สำเร็จ และภายใน 10 ปี จะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก, วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อเป็น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศได้เป็นอย่างมาก
“การสนับสนุนงบประมาณจากรัฐ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศไทย สามารถผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐานสากลสำหรับใช้ในประเทศได้อย่างเพียงพอ และเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อส่งขายในภูมิภาคและในระดับนานาชาติ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันธุรกิจด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียนต่อไป” รมต.จุรินทร์ กล่าว
ปัจจุบันหน่วยงานทางสาธารณสุข ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของไทยใช้วัคซีนคิดเป็นมูลค่ารวม ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนใหญ่มีราคาแพงและมีแนวโน้มการใช้สูงขึ้น ยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศ มากกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่ารวม นี่คือเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ประเทศไทยจ่ายไปเพื่อสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประชากร
ในอดีตประเทศไทยอยู่ในแนวหน้าด้านการผลิตวัคซีนในระดับภูมิภาค เพราะเคยผลิตวัคซีนได้เองหลายชนิด ได้แก่ วัคซีนโรคฝีดาษ วัคซีนอหิวาตกโรค วัคซีนโรคไทฟอยด์ วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก วัคซีนบีซีจี วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตในประเทศสามารถผลิตวัคซีนได้เพียง 2 ชนิด เท่านั้น คือ วัคซีนบีซีจีสำหรับป้องกันวัณโรคในเด็ก โดยสถานเสาวภา สภากาชาดไทย และวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี โดยองค์การเภสัชกรรม นั่นหมายถึงศักยภาพในการเป็นประเทศผู้ผลิตวัคซีนแถวหน้าของภูมิภาคนี้ได้ถดถอยไปอย่างมาก
สำหรับหน่วยงานที่มาลงสัตยาบันร่วมกัน เพื่อผลักดันให้วาระแห่งชาติด้านวัคซีนเกิดเป็นรูปธรรมครั้งนี้ประกอบด้วย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, กรมควบคุมโรค, องค์การเภสัชกรรม, สถานเสาวภา สภากาชาดไทย, มหาวิทยาลัยมหิดล, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ, ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย และ บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ทั้ง 8 หน่วยงานนี้ จะรับผิดชอบในการดำเนินโครงการสำคัญ 10 เรื่อง ได้แก่ 1. โครงการจัดเตรียมคลังเก็บวัคซีนมาตรฐานของภูมิภาค 2. โครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนระดับกึ่งอุตสาหกรรมมาตรฐาน GMP แบบอเนกประสงค์ 3. โครงการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรชีวภาพทางการแพทย์แห่งชาติ 4. โครงการวิจัยพัฒนาเพื่อการผลิตวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี 5. โครงการผลิตวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และการผลิตวัคซีนผสมคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และตับอักเสบบี 6.โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์ 7.โครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านวัคซีนโดยหน่วยงานกลางแห่งชาติด้านวัคซีน 8. โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านวัคซีนอย่างเป็นระบบ, 9.โครงการวิจัยพัฒนาและขยายกำลังการผลิตวัคซีนป้องกันวัณโรค และ 10.โครงการพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกของประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กรมควบคุมโรค เป็นหน่วยหลักในการดำเนินการวาระแห่งชาติด้านวัคซีนครั้งนี้