ทช. จัดกิจกรรม “ร่วมพิทักษ์ ร่วมรักษ์ทะเลอันดามัน”เปิดคลังสมอง ให้สื่อติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด

พุธ ๑๓ กรกฎาคม ๒๐๑๑ ๑๑:๒๙
กิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ “ร่วมพิทักษ์ ร่วมรักษ์ทะเลอันดามัน” เท่ากับเป็นการเปิดคลังสมอง ให้สื่อมวลชนได้ติดตามศึกษาการทำงานของทช. ในพื้นที่แถบฝั่งทะเลอันดามันของไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อสะท้อนภาพจริงจากการทำงาน ให้สาธารณชนได้รู้ว่าได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากการทำงานของ ทช.

นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวระหว่างการร่วมกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ “ร่วมพิทักษ์ ร่วมรักษ์ทะเลอันดามัน” ณ.บริเวณชายหาดแหลมพันวา สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต ว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้เพื่อให้สื่อมวลชนได้ติดตามศึกษาการทำงานของ ทช. ในพื้นที่แถบฝั่งทะเลอันดามันของไทยอย่างใกล้ชิด เริ่มตั้งแต่พิพิธภัณฑ์สัตว์และพืชทะเลที่ถือเป็นแหล่งวิจัยรวบรวมตัวอย่าง ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ฯและความรู้ด้านอนุกรมวิธานของสัตว์ทะเลและพืชทะเล เป็นทั้งสถานที่จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ และสถานที่ฝึกงานสำหรับนักศึกษาในงานวิจัยด้านอนุกรมวิทยาความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อนักวิทยาศาสตร์ นิสิต นักศึกษาของประเทศไทยและต่างประเทศรวมทั้งผู้ที่สนใจด้านพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา

รวมถึงการท่องทะเลอันดามันโดยเรือจักรทอง ทองใหญ่ เพื่อติดตามดูการปฏิบัติภารกิจของ ทช.ในท้องทะเล อาทิ การสำรวจถุงแพลงตอนทางทะเล เก็บตัวอย่างน้ำ เก็บตัวอย่างดินในทะเล เพื่อนำมาศึกษาวิจัยหาความหลากหลายทางชีวภาพและความสมบูรณ์ของท้องทะเลฝั่งอันดามัน การชมวิธีการและขั้นตอนใน การผ่าพิสูจน์ซากสัตว์ทะเลหายากที่เกยตื้นตาย เพื่อศึกษาเกี่ยวกับชีววิทยา โครงสร้างประชากร ลักษณะทางพันธุกรรม และแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ รวมทั้งการอนุบาล การเพาะพันธุ์ และฟื้นฟูเต่าทะเล จากกรณีที่เจ็บป่วยจากธรรมชาติ หรือจากการติดเครื่องมือประมง ซึ่งฐานข้อมูลที่ได้ทั้งหมด ทช. จะนำไปใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์ทะเลหายากต่อไป

ส่วนความคืบหน้าในการฟื้นตัวของปะการังในแถบฝั่งทะเลอันดามัน จากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงต้นปี 2554 นั้น อธิบดี ทช.กล่าวว่าขณะนี้ปะการังได้หยุดการฟอกขาวแล้ว และอยู่ในขั้นตอนที่ทาง ทช.กำลังทำการสำรวจแนวโน้มการฟื้นตัวของปะการัง จากความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่า บริเวณเกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลัน ฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต หมู่เกาะอาดัง-ราวี เกาะต่างๆ ในจังหวัดตรัง แนวปะการังอยู่ในสภาพกำลังฟื้นตัว เนื่องจากพบตัวอ่อนปะการังเป็นจำนวนมาก และยังพบอีกว่าฝั่งตะวันตก เหมาะสมกับการฟื้นตัวของปะการังหลายชนิด นอกจากการลงเกาะของตัวอ่อนปะการังแล้ว ในหลายพื้นที่ยังพบว่ามีการงอกใหม่ของชิ้นส่วนของปะการังที่ยังมีชีวิต โดยเฉพาะบริเวณเกาะที่ห่างฝั่งมีคุณภาพน้ำทะเลดีและมีปะการังชนิดเดียวกันขึ้นเป็นบริเวณกว้าง ทั้งนี้ข้อมูลจากการสำรวจที่ได้ ทช. ได้นำมากำหนดเป็นมาตรการ เพื่อควบคุมกิจกรรมที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของแนวปะการัง เช่น การท่องเที่ยว การประมง และการประกอบธุรกิจตามชายฝั่งฯลฯ

อธิบดี ทช.กล่าวต่อว่าจากการเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่กระจายของแมงกะพรุนพิษในแถบฝั่งอันดามันของไทย โดยการสำรวจของสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล พบแมงกะพรุนไฟ 1 ชนิด แมงกะพรุนกล่อง 5 ชนิด ในฝั่งอันดามัน และพบแมงกะพรุนกล่อง 4 ชนิดในฝั่งอ่าวไทย เป็นแมงกะพรุนกล่อง สกุล Chironex fleckeri สกุลเดียวกับที่พบในออสเตรเลีย พิษของมันอาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 40 นาที และจากการตรวจสอบพบว่าที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตที่น่าสงสัยว่าเกิดจากแมงกะพรุนกล่องในช่วงปี 2542-2551จำนวน 4 ราย และยังพบผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าสงสัยจะมีการสัมผัสแมงกะพรุนพิษใน จ.สุราษฏร์ธานี กระบี่ ภูเก็ตและสตูลจำนวน 381 คน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 — 19 มิถุนายน 2554 มีรายงานว่าพบแมงกะพรุนไฟกลุ่ม Hydrozoa วงศ์ Physalidae ชนิด Physalia sp. (ชื่อภาษาอังกฤษ คือ Portuguese Man O’War หรือ Blue Bottle) ในพื้นที่หาดในหานและหาดในทอน จังหวัดภูเก็ต ซึ่งความเป็นพิษหรืออันตรายของแมงกะพรุนชนิดนี้ หากมีการสัมผัสจะทำให้เกิดการบาดเจ็บในหลายระดับขึ้นอยู่กับความต้านทานของแต่ละบุคคลและปริมาณพิษที่ได้รับ ตั้งแต่อาการแสบคันจนถึงปวดแสบปวดร้อน รวมถึงมีอาการไข้ ช็อค และเกิดความผิดปกติกับหัวใจและปอด ในกรณีที่ความเป็นพิษรุนแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตได้ แต่จากสถิติที่ผ่านมาพบว่ามีน้อยมาก ซึ่งทาง ทช.จะทำการศึกษาสำรวจเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องทั้งในพื้นที่เดิมและพื้นที่ใกล้ชิด เพื่อให้ทราบชนิดและการแพร่กระจายที่แน่ชัด และจะทำหน้าที่เป็นหน่วยเฝ้าสังเกตการณ์ เก็บรวบรวมข้อมูล และศึกษาเกี่ยวกับแมงกะพรุนพิษ และติดตามสถานการณ์การเคลื่อนย้ายของฝูงแมงกะพรุน ศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ การแพร่กระจาย ฤดูกาลของแมงกะพรุนพิษ บริเวณชายหาดท่องเที่ยวและแหล่งทำการประมงในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศไทย และได้มีการออกมาตรการโดยการติดตั้งป้ายเตือน

สร้างเครือข่ายความร่วมมือ จากประชาชน ชาวประมง ชาวบ้าน และอาสาสมัครในพื้นที่ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในการรักษาพยาบาลเบื้องต้นให้กับคนในพื้นที่ และเตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังการได้รับบาดเจ็บที่เกิดจากแมงกะพรุนพิษ เพื่อไม่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว เกิดความตื่นตระหนก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อการลดอัตราการได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการสัมผัสแมงกะพรุนพิษในอนาคต

“การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เท่ากับเป็นการเปิดคลังสมองของทช. เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสและศึกษาการทำงาน ของ ทช. แถบฝั่งอันดามันของไทยอย่างใกล้ชิด ช่วยให้เห็นถึงขั้นตอนต่างๆ ในการทำงาน ด้านการสงวนรักษา อนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยมุ่งหวังให้สื่อมวลชนได้สะท้อนภาพจริงจากการทำงาน เพื่อให้สาธารณชนได้รู้ว่าได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากการทำงานของ ทช.”

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๑ พ.ค. เฮลท์สเคป (Healthscape)' นำร่องส่ง 'MADE BY SILVER' ชวนสัมผัสผลิตภัณฑ์เพื่อไลฟ์สไตล์สำหรับกลุ่มซิลเวอร์เจน 20 พ.ค. - 2 มิ.ย. 67 ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็ม
๒๑ พ.ค. HENG เสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 จำนวน 2 ชุด อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.25% และ 5.50% เปิดจองซื้อ 23-24 และ 27 พ.ค. 67 เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจ
๒๑ พ.ค. กลุ่มบริษัทศรีตรัง ลุยติดตั้ง EV Charger ในโรงงานทั่วประเทศ สนับสนุนพนักงานใช้พลังงานสะอาด ร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอกย้ำจุดยืน Green Rubber
๒๑ พ.ค. Bitkub Chain และ The Sandbox ร่วมยกระดับวงการ Metaverse ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
๒๑ พ.ค. AJA โชว์แกร่ง!! งบโค้งแรกพลิกมีกำไรพุ่งเกือบ 452% ชูกลยุทธ์ปี 67 กระจายลงทุนในธุรกิจหลากหลาย-สร้างฐานการเติบโตยั่งยืน
๒๑ พ.ค. KJL โชว์นวัตกรรมในงาน SUBCON Thailand 2024 เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า
๒๑ พ.ค. ITEL อวดกำไร Q1/67 โต 113% กำไรสุทธิ 123 ล้านบาท ล่าสุด ก.ล.ต. ไฟเขียวนับหนึ่งไฟลิ่ง บ.ย่อย BLUE เรียบร้อยแล้ว
๒๑ พ.ค. โอยิกะ ผู้นำด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีแบตเตอรี่จากสิงคโปร์ ชูนวัตกรรมพลังงานสะอาด มุ่งขยายธุรกิจตู้สลับแบตเตอรี่สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
๒๑ พ.ค. ดื่มด่ำกับรสชาติของเนื้อโกเบจากโอซาก้า ที่ห้องอาหารฮากิ เซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
๒๑ พ.ค. W9 เผยไทยเผชิญฝุ่นพิษล้อมเมืองติดอันดับโลก เปิด 5 กลุ่มเสี่ยงรับฝุ่นพิษ ภัยเงียบสะสม แนะวิธีรับมือเชิงเวลเนส