ทีวีไกด์: รายการ “บอก 9 เล่าสิบ” ศาตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์”

จันทร์ ๑๒ กันยายน ๒๐๑๑ ๑๕:๒๔
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่สองพิธีกร มดดำ-คชาภา ตันเจริญ และ หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย และทีมงานรายการบอก 9 เล่าสิบ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก ศาตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานวโรกาสพิเศษให้เข้าเฝ้าเพื่อทูลขอพระราชทานสัมภาษณ์ถึงพระกรณียกิจและความปลาบปลื้มปิติยินดีของพสกนิกรปวงชนชาวไทย ในการที่พระองค์ได้รับการถวายรางวัล พระเกียรติคุณทางวิชาการ และทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์สตรีหนึ่งในจำนวน 23 คน จากทั่วโลก ที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาพันธ์นานาชาติเคมีบริสุทธิ์ และเคมีประยุกต์ ให้เข้ารับรางวัลสตรีผู้ทรงเกียรติที่มีบทบาทดีเด่น สาขาวิชาเคมี ในโอกาสการเฉลิมฉลองปีเคมีสากล

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2554 ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานพระวโรกาสพิเศษให้สัมภาษณ์แก่ รายการโทรทัศน์ “บอก 9 เล่าสิบ” สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี โดยมี นายคชาภา ตันเจริญ และนายกรรชัย กำเนิดพลอย เป็นผู้ดำเนินรายการถวาย ณ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ถ.วิภาวดี

ในการนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ฉลองพระองค์ในชุดกาวน์สีขาว สำหรับการพระราชทานสัมภาษณ์พิเศษในรายการ “บอก9เล่าสิบ” ในครั้งนี้ ทรงเล่าถึงเรื่องส่วนพระองค์ ตอนทรงพระเยาว์ ในฐานะทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงเล่าถึงการนำธรรมะมาใช้กับพระกรณียกิจ ในชีวิตประจำวัน

พร้อมกันนี้ ทรงเล่าถึงการเสด็จเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา จากการที่ทรงได้รับการถวายรางวัล พระเกียรติคุณทางวิชาการ และทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์สตรีหนึ่งในจำนวน 23 คน จากทั่วโลก ที่ได้รับการคัดเลือกจากสมาพันธ์นานาชาติเคมีบริสุทธิ์ และเคมีประยุกต์ ให้เข้ารับรางวัลสตรีผู้ทรงเกียรติที่มีบทบาทดีเด่น สาขาวิชาเคมี ในโอกาสการเฉลิมฉลองปีเคมีสากล

และในโอกาสครบรอบ 100 ปี การได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี ของ มาดาม มารี คูรี เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นับเป็นข่าวดีของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพสกนิกรปวงชนชาวไทยที่ได้ทราบข่าว ต่างรู้สึกซาบซึ้งในพระปรีชาสามารถ ในฐานะเจ้าฟ้านักวิทยาศาสาตร์ ซึ่งตลอดระยะเวลาแห่งทศวรรศ ทรงได้รับการถวายรางวัลด้านวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมาก โอกาสนี้ จึงทรงเล่าถึงแรงบันดาลใจในการศึกษาเล่าเรียน และที่มาของการเริ่มต้นศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ โดยมีพระดำรัสรับสั่งว่า...

“ ฉันได้รับแนวทางการศึกษาจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าฯ ท่านทรงพระราชทานคำปรึกษาแนะแนวทางการศึกษา ซึ่งตอนเด็กๆก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย สมเด็จพระบรมฯท่านทรงศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้นเหลือแค่สมเด็จพระเทพฯและฉันอยู่ในประเทศไทย สำหรับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทรงอยากให้ลูกๆเลือกเรียนทั้งสองทาง คือ สายวิทยาศาสตร์และสายศิลปศาสตร์ ซึ่งสมเด็จพระเทพฯท่านได้เสด็จมาถึง ณ จุดทางเลือกก่อน และท่านทรงก็เลือกศึกษาต่อสายศิลปศาสตร์ มาถึงฉันก็เลยต้องได้ศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์ไป”

นับเป็นเวลากว่า 20 ปี ที่คนไทยได้รับพระมหากรุณาธิคุณและได้พึ่งพระบารมีของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงก่อตั้งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ขึ้นมา ทรงให้พระราชทานสัมภาษณ์ ถึงแรงบันดาลใจ ในการจัดตั้งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ที่ทรงมีพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ในการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง โดยมีนโยบายหลัก เพื่อเน้นการวิจัยและการรักษาโรคมะเร็งให้ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล เพื่อพัฒนาการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งมีชีวิตที่ดีอย่างมีคุณภาพ และมีพระดำรัสรับสั่งถึงสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ว่า..

“ แต่ก่อนรู้สึกว่าคนเรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ยังมีโอกาสทำงานด้านวิจัยน้อยเหลือเกิน ประเทศไทยยังมีการสนับสนุน R&D (Research & Development) น้อย เมื่อเทียบกับต่างประเทศ ความตั้งใจของการก่อตั้งสถาบันฯคือการศึกษาแนวทางวิจัย โดยเฉพาะด้านเคมี การแพทย์ และไบโอเทคโนโลยี ด้วยเล็งเห็นว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งในประเทศไทยยังต้องได้รับความช่วยเหลืออยู่มาก โรงพยาบาลจุฬาภรณ์และเครือข่ายของสถาบัน ถือคติคนไข้ต้องไม่รอความตาย ไม่มีเงินเราก็รักษาให้ บางครั้งออกปฏิบัติงานพอสว.เจอคนไข้มะเร็งก็นำกลับมารักษาต่อ แต่อย่างไรการช่วยเหลือด้วยเงินจากมูลนิธิอย่างเดียวไม่เพียงพอ จึงได้มีการริเริ่มโครงการ “ถักร้อย สร้อยรัก” เป็นการประดิษฐ์และจำหน่ายเครื่องประดับมุก หารายได้สมทบทุนเข้ามูลนิธิฯเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ฉันและผู้เกี่ยวข้องร้อยสร้อยมุกกันเอง และทุกครั้งที่ฉันเดินทางไปต่างประเทศก็จะนำเครื่องประดับเหล่านี้ไปด้วย เพื่อให้คนไทยที่อยู่ต่างแดนได้มีโอกาสร่วมทำบุญด้วยกัน”

ต่อข้อสัมภาษณ์ถึงพระกรณียกิจในการทรงงานมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ถึงอุปสรรคในการทำงาน มีพระดำรัสว่า “บางทีเจอทั้งร้อนทั้งหนาว ส่วนใหญ่จะเจอฝนด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับลำบากมากเกินไป ตัวฉันทำงานอย่างมากที่สุดแค่3-4 ชม แต่ชาวบ้านรอทั้งวัน มารอกันตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อจับจองพื้นที่แถวหน้า ซึ่งต้องแสดงน้ำใจกับเขาเพราะเขามารอต้อนรับเรา เราก็ต้องทำให้เขาชื่นอกชื่นใจ”

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ยังทรงมีรับสั่งถึงพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “นับเป็นเวลาเกือบจะครบสองปีแล้วที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่โรงพยาบาลศิริราชด้วยแรกพระอาการพระปัปผาสะอักเสบและมีไข้สูง จากนั้นคณะแพทย์ได้ถวายการรักษาจนหายแต่ยังเคลื่อนไหวพระวรกายไม่สะดวก พระสุรเสียงแหบเบา คณะแพทย์ได้ตรวจพบว่ามีน้ำในสมองมากเกินไป ทำให้ไปกดระบบประสาทส่วนที่สั่งงานเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว แพทย์จึงได้ถวายการผ่าตัดโดยการเจาะไขสันหลังใส่ท่อนำน้ำที่เกินปริมาณมาทิ้งในช่องพระอุทร และน้ำก็จะถูกขับออกจากพระวรกายโดยวิธีปกติ

จากนั้นมาท่านรับสั่งว่าสบายขึ้น สังเกตว่าทรงเคลื่อนไหวคล่องแคล่วมากขึ้น พระสุรเสียงดังมากขึ้น และก็ทรงกายภาพบำบัดเพื่อการทรงพระดำเนิน สำหรับวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. มหาราชในปีนี้ เป็นที่แน่นอนว่าหากไม่มีพระอาการประชวรใดๆแทรกซ้อนจะทรงพระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะบุคคล ที่มาเข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีพระดำรัสถึงพระพลานามัยของพระองค์เองอีกด้วยว่า “เมื่อเดือน ธ.ค. 53 เกิดอุบัติเหตุล้มกระดูกสะโพกซ้ายหัก แต่ได้ทำการผ่าตัดใส่หมุด 3 ตัวเพื่อยึดกระดูกที่หักไว้ จนกระทั่งตอนนี้ 8 เดือนแล้วเวลาเดินก็ยังเจ็บอยู่ คล้ายกับมีอะไรอยู่ในขา หลังๆตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย อาเจียน ปวดตามข้อ อันเนื่องมาจากโรคแพ้ภูมิตัวเอง หลายคนเป็นห่วงเพราะเป็นโรคเดียวกับคุณพุ่มพวง แต่ของฉัน 20 ปีที่ผ่านมาส่งผลแค่กระดูก มีอาการปวดข้อ ข้อบวมแดง และหวังว่าจะไม่ลุกลามไปส่วนอื่นเช่นกัน”

ต่อข้อสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องที่ทรงเป็นห่วงประชาชนชาวไทยอยู่ ณ ขณะนี้ ทรงมีพระดำรัสว่า “ด้วยอาชีพ ยังเป็นห่วงเรื่องของสุขภาพชาวไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯท่านสอนเสมอว่าทรัพยากรที่มีคุณค่าคือทรัพยากรบุคคล หากประชาชนมีสุขภาพพลานามัยที่ไม่ดี จะส่งผลต่อการเรียน การทำงานและการประกอบอาชีพ เรื่องสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่ฉันให้ความสนใจมากที่สุด”

สำหรับการพระราชทานสัมภาษณ์พิเศษในรายการ “บอก9เล่าสิบ” ในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ จะได้ชื่นชมพระบารมี และพระกรณียกิจในฐานะเจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์ อันจะเป็นคุณประโยชน์อนันต์แก่พสกนิกรชาวไทย พระอัจฉริยภาพทางดนตรีและพระมหากรุณาธิคุณต่อ คุณเสกข์ ทองสุวรรณ เยาวชนไทยคนแรกที่ได้รับทุนการศึกษาด้านดนตรีเป็นการส่วนพระองค์ นอกจากนี้ยังทรงเล่าถึงพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระพลานามัยในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีอีกด้วย

ทั้งนี้ สามารถติดตามชมเนื้อหาของรายการทั้งหมด ได้ในรายการ บอก 9 เล่าสิบ ออกอากาศวันที่ 12 และ 13 ก.ย. 2554 นี้ เวลา 17.10-17.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง