แต่ในแง่มุมอื่นๆ นั้น Big Data ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่โดยแท้จริง แหล่งข้อมูลต่างๆ นั้นได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เรากำลังขยับเข้าสู่ยุคของการประมวลผลข้อมูลที่มีรูปแบบกึ่งไม่คงตัว (semi-unstructured data) และการประมวลผลข้อมูลที่มีรูปแบบไม่คงตัว (unstructured data) เช่น การโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย ไฟล์จำพวกมีเดียที่มีขนาดใหญ่ และข้อมูลที่เป็นแบบ geospatial ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่หลายองค์กรหลีกเลี่ยงไม่พ้นคือการต้องเจอกับภาวะที่มีข้อมูลใหม่ๆ เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ข้อมูลจากพวกสมาร์ทมิเตอร์หรือมาตรวัดอัจฉริยะที่วัดผลแบบ real-time
นายฟิลิป คาร์เตอร์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรองประธานของไอดีซี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้กล่าวว่า “แง่มุมใหม่ๆ ของ ‘Big Data’ นั้นกำลังสร้างความยุ่งยากในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้กับบุคคลากรที่ทำงานด้านไอที โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้ตระหนักว่า การประมวลผล บริหารจัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ฐานข้อมูลและสถาปัตยกรรมแบบเดิมๆ นั้นไม่สามารถใช้กับข้อมูลปริมาณมหาศาลเหล่านี้ได้” “และสิ่งหนึ่งที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นคือค่าที่แท้จริงที่ได้จาก Big Data จะได้มาจากการการวิเคราะห์ในระดับสูง ผ่านการทำดาต้าไมน์นิง การใช้เครื่องมือทางสถิติ การเพิ่มประสิทธิภาพ และการคาดการณ์ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสามารถในการเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์ต่อการผลักดันธุรกิจและเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
บริษัทต่างๆ ในทวีปเอเชียเองก็ได้มีการดำเนินการที่สอดคล้องกับกระแสนี้ โดยบริษัทเหล่านี้ได้ทำการลงทุนเพื่อที่จะเติบโตในตลาดเกิดใหม่ ด้วยการมุ่งความสนใจไปที่โซลูชั่นประเภทเครื่องมือการวิเคราะห์ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคที่มีลักษณะเป็นเชิงลึกมากขึ้น และการบริหารการเงินและความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในขณะที่พวกเขาพยายามสร้างจุดขายให้กับองค์กรของตัวเอง ไอดีซีได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมี CIO และ LoB กว่าหนึ่งพันคนทั่วทั้งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น โดยผลการสำรวจชี้ว่า เครื่องมือการวิเคราะห์เชิงธุรกิจคือเทคโนโลยีอันดับหนึ่งที่จะทำให้องค์กรหนึ่งๆ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผลการสำรวจความเห็นของ CIO และผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจด้านไอทีขององค์กรต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่นอีกชิ้นหนึ่งที่ไอดีซีได้จัดทำขึ้นในเดือนมิถุนายน ก็ยังคงย้ำให้เห็นว่าการบริหารจัดการและการวิเคราะห์ข้อมูลยังคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม วิธีการทำการวิเคราะห์เชิงธุรกิจในยุคของ Big Data นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปจากวิธีแบบเดิมๆ โดยสิ้นเชิง นายฟิลิปได้กล่าวเสริมว่า “ยกตัวอย่างเช่น สิ่งสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากการวิเคราะห์แบบเดิมคือ ในยุคของ Big Data เราได้รับข้อมูลในปริมาณมหาศาลที่อาจเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ก็ได้ ในมุมมองของการวิเคราะห์นั่นหมายความว่า ‘เราไม่รู้ว่าอะไรที่เราไม่รู้’ ตัวแปรและโมเดลที่ใช้ในการทำการวิเคราะห์ Big Data น่าจะเป็นตัวแปรและโมเดลที่ใหม่ทั้งหมด ดังนั้นสิ่งจำเป็นคือการมีกลยุทธ์ในการวางโครงสร้างพื้นฐานควบคู่ไปกับการประยุกต์ใช้ทักษะใหม่ๆ”
Big Data นำมาซึ่งความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งองค์กรต่างๆ จะต้องเผชิญ โดยในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้นั้น เพียงแค่การใช้แอพพลิเคชั่นการวิเคราะห์เชิงธุรกิจแบบเดิมคงไม่เพียงพอ จะต้องมีการนำสถาปัตยกรรมใหม่ๆ มาสนับสนุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้วย ไอดีซีขอแนะนำให้พิจารณาการใช้ cloud bursting การติดตั้งอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างสถาปัตยกรรมที่มีขีดความสามารถในการรองรับการประมวลผลในระดับสูง วิธีนี้ยังสามารถนำไปสู่การวางระบบที่ใช้เทคโนโลยีและเฟรมเวิร์คใหม่ เช่น Hadoop เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้องกันและวางตัวอยู่อย่างกระจัดกระจาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสำเร็จก็ต่อเมื่อผู้ใช้มีทักษะใหม่ๆ ในการใช้งานบรรดาเทคโนโลยีเกิดใหม่เช่น Hadoop, Map Reduce และ Key Value Stores เช่นเดียวกับการใช้เทคนิคใหม่ๆ ของนักวิคราะห์ข้อมูล
นักวิเคราะห์ข้อมูลในยุคใหม่จะต้องทำหน้าที่เสมือน “นักวิทยาศาสตร์ผู้วิจัยข้อมูล” นั่นคือต้องมีทักษะทางด้านสถิติมากพอที่จะดึงเอาข้อมูลที่มีค่าออกมาจากกองข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาล และนำเสนอข้อมูลเหล่านั้นต่อผู้อื่นที่อาจไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญได้ อีกทั้งยังจะต้องมีความสามารถในการทำความเข้าใจโมเดลและอัลกอริธึมที่ใช้ในการวิเคราะห์ใหม่ๆ ที่จะมีผลกระทบเป็นอันมากต่อธุรกิจในระยะสั้น
ไอดีซีเชื่อว่าองค์กรต่างๆ ควรจะมองกลยุทธ์การวิเคราะห์ Big Data ของพวกเขาในทุกแง่มุมต่อไปนี้:
- การสรรหาเทคโนโลยีและนำมาปรับใช้
- การสร้างกรณีศึกษาทางธุรกิจและความคุ้มค่าของการลงทุน
- เฟรมเวิร์คที่ใช้บริหารจัดการข้อมูลที่มีนโยบายและคำแนะนำในการจัดการข้อมูลหลัก คุณภาพของข้อมูล และโมเดลของข้อมูลที่ชัดเจน
- การทำให้มั่นใจว่าการจัดการไอทีและการจัดการธุรกิจนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในช่วงเวลาที่เหมาะสม
- การให้ CIO มีส่วนสนับสนุนหากเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นอันส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ซึ่งมาจากมุมมองของไอที
หลายองค์กรได้ทำการจัดตั้ง Business Analytics Competency Center (BACC) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าว โดยนายฟิลิปได้กล่าวแนะนำเพิ่มเติมว่า “โครงสร้างนี้จะต้องให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากทางฝ่ายบริหาร ฝ่ายไอที และฝ่ายปฏิบัติงาน เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการต่างๆ ที่จัดทำอยู่นั้นสอดคล้องกับการทำธุรกิจและนโยบายการจัดการด้านไอทีที่จำเป็น นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คือถึงแม้ว่ากระแสของ Big Data นั้นจะกำลังมาแรง แต่ CIO จะต้องมองโลกแห่งความเป็นจริงและพิจารณาว่าควรจะทำการวิเคราห์ Big Data ด้วยวิธีใด และต้องมุ่งเน้นไปที่การใช้งานเฉพาะที่เหมาะสมและส่งผลกระทบทางธุรกิจที่คุ้มค่าที่สุด”
เกี่ยวกับไอดีซี
ไอดีซี บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โทรคมนาคม และ คอนซูเมอร์เทคโนโลยี โดยนำเสนอข้อมูลจากการวิเคราะห์เจาะลึก ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้าน ไอที ผู้บริหาร และ นักลงทุน ให้สามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจจัดซื้อเทคโนโลยีและกำหนดกลยุทธ์ ทางธุรกิจ ปัจจุบัน ไอดีซี มีนักวิเคราะห์มากกว่า 1,000 คน ทำหน้าที่นำเสนอข้อมูล และ ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์อย่างรอบด้านแก่ลูกค้าในเรื่องเทคโนโลยี รวมถึงโอกาสทางธุรกิจ และ แนวโน้ม ของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และ ในแต่ละประเทศ มากกว่า 110 ประเทศทั่วโลก ด้วยประสบการณ์ และ ความ เชี่ยวชาญที่สะสมมามากว่า 47 ปี ไอดีซีได้ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุทุกวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ไอดีซี เป็นบริษัทในเครือของไอดีจี ซึ่งดำเนินธุรกิจสื่อสารเทคโนโลยีวิจัย และ จัดงานสัมมนาชั้นนำระดับโลก ค้นหาข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่ www.idc.com
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
คุณศศิธร แซ่เอี้ยว
Senior Marketing Executive
ที่โทร. 662-651-5585 ต่อ 113