ดร. ศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เกียรตินาคิน จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจปีนี้คาดเติบโต 2.8-4.5% โดยได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของทุกภาคส่วนจากภาวะวิกฤติน้ำท่วมปลายปีที่ผ่านมา การออกนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และมองเงินเฟ้อปีนี้ที่ 3.01% โดยแบงค์ชาติน่าจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ 2.50-2.75% โดยคาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมเดือน มี.ค. 2555 โดยประมาณการดัชนี้หุ้นมองไว้ที่ 1230 จุด และยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะพื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการกระตุ้นของภาครัฐและเอกชน เคเคฟันด์ จึงมีแผนออกกองทุนเปิดเคเค ทาร์เก็ต 7%#2 เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของกองทุนเปิด เคเคทาร์เก็ต 7%#1 ที่ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมาย ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดย เคเคฟันด์ เสนอขาย "กองทุนเปิดเคเค ทาร์เก็ต 7%#2” ซึ่งเป็นกองทาร์เก็ตฟันด์ที่เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนที่มีแนวโน้มหรือปัจจัยพื้นฐานดี โดยคาดโอกาสผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 7% ภายใน 9 เดือน "กองทุนเปิดเคเค ทาร์เก็ต 7%#2” จะลงทุนในตราสารทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีคุณภาพ และให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม มีนโยบายลงทุนแบบผสม ซึ่งผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนและปรับเปลี่ยนกลยุทธในการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ของตลาดในแต่ละขณะ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างสูง โดยมีมูลค่าขั้นต่ำของการสั่งซื้อ 5,000 บาท คาดว่าจะสามารถกระตุ้นความสนใจจากนักลงทุนได้เป็นอย่างดี ภายใต้ความเชื่อมั่นในการบริหารกองทุนของ เคเคฟันด์
โดย "กองทุนเปิดเคเค ทาร์เก็ต 7%#2” มีเงื่อนไขสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการหากสามารถสร้างผลตอบแทน 7% หรือ NAV มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.8500 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันหรือเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.8500 บาท และทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสด หรือ เทียบเท่าเงินสดทั้งหมด ณ วันทำการใดโดยตั้งเป้าคืนผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.700 บาท โดยกองทุนจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเข้ากองทุนเปิดเคเค มันนี่มาร์เก็ต ฟันด์ (KK MM) ภายใน 7 วันทำการ เพื่อเป็นการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้สนใจลงทุนใน "กองทุนเปิดเคเค ทาร์เก็ต 7%#2” เริ่มเปิดขายประมาณวันที่ 2-12 มีนาคม 2555 นี้ โดยสามารถ สอบถามรายละเอียด และขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ เคเคฟันด์ 02 624 8555 กด 2 หรือ www.kk-fund.com
*การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจและควรเก็บหนังสือชี้ชวนไว้เป็นข้อมูลในอนาคต และเมื่อมีข้อสงสัยให้สอบถามผู้ติดต่อผู้ลงทุนให้เข้าใจก่อนซื้อหน่วยลงทุน/ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต/กองทุนอยู่ระหว่างการขออนุมัติจัดตั้งกับสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ดังนั้น ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง