นายปราณีต ร้อยบาง อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบาย ให้ความสำคัญต่อภาคการเกษตร ซึ่งมีประชากรประมาณ 24 ล้านคน ให้มีความอยู่ดีกินดี สามารถเลี้ยงตนเองได้ ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้น โดยการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร เพิ่มการลงทุน และเทคโนโลยี ภาคการเกษตร เพิ่มผลผลิตต่อไร่ และช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนและ ภัยธรรมชาติ แต่จากสภาพความเป็นจริงหากเศรษฐกิจของประเทศมีความเจริญเติบโตมากขึ้น ความต้องการ ใช้ทรัพยากรต่าง ๆ จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรน้ำ แม้ว่าประเทศไทยจะมีพื้นที่เกษตรกรรมมากถึงประมาณ 131 ล้านไร่ แต่ในจำนวนดังกล่าวเป็นพื้นที่ในเขตชลประทานที่มีน้ำเพียงพอ ต่อการเพาะปลูกตลอดทั้งปี เพียง 29.34 ล้านไร่เท่านั้น ที่เหลืออีกกว่า 101 ล้านไร่ ยังเป็นพื้นที่เกษตรน้ำฝน ที่ต้องพึ่งพาธรรมชาติ ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะในฤดูแล้ง จากการประเมินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถึงสัดส่วนความต้องการใช้น้ำสำหรับภาคการใช้น้ำต่าง ๆ อีก 5 ปีข้างหน้า มีอัตราการขยายตัวโดยเฉพาะภาคการใช้น้ำเพื่อการเกษตร มากกว่าร้อยละ 10 ดังนั้น มีแนวโน้มว่าแหล่งน้ำผิวดินจะมีไม่เพียงพอ และเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง แต่ในขณะเดียวกัน น้ำบาดาลซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคที่สำคัญแล้ว ยังสามารถใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับ การใช้ในด้านเกษตรกรรม เนื่องจากน้ำบาดาลมีศักยภาพและปริมาณมากกว่าน้ำผิวดินถึง 24 เท่า จึงสามารถตอบสนองต่อความต้องการใช้น้ำในภาคการเกษตรของประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตามกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีการวางแผนและ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำบาดาลในภาคการเกษตรให้เหมาะสม มีสมดุลและเกิดประโยชน์คุ้มค่าสูงสุด เพื่อให้ น้ำบาดาลเป็นแหล่งน้ำทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป จึงได้จัดการประชุมวิชาการ เรื่อง “น้ำบาดาลกับความมั่งคงทางการเกษตร” ขึ้น เพื่อระดมความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ นักวิชาการจากสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน และเกษตรกรผู้ใช้น้ำบาดาล เพื่อให้เกิดแนวทางในการบริหารจัดการน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพตามกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และเกิดความเป็นธรรมในการจัดสรรน้ำของภาคการผลิตต่าง ๆ
สำหรับรูปแบบการประชุมวิชาการครั้งนี้จะมีการเสวนา เรื่อง “น้ำบาดาลกับความมั่นคงทาง การเกษตร : กุญแจสู่ความกินดี อยู่ดี” ซึ่งมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน นายวิโรจน์ ภู่สว่าง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานอ้อย บริษัทกลุ่มมิตรผล ศาสตราจารย์ชูพงษ์ สุกุมลนันทน์ ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนายปราณีต ร้อยบาง อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในฐานะนายกสมาคมอุทกธรณีวิทยาไทย โดยมี นางสาวอริสรา กำธรเจริญ เป็นพิธีกรดำเนินการเสวนา
นอกจากนี้ ภายในงานยังได้จัดแสดงนิทรรศการ “น้ำบาดาลเพื่อการเกษตร” พร้อมเชิญ คณะครูอาจารย์และนักเรียนจากโรงเรียนปิยชาติพัฒนาในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดนครนายก และโรงเรียนบ้านบวกค้าง จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมจัดแสดงผลงานโครงการน้ำโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนระบบน้ำดื่มสะอาดมาตรฐานองค์การอนามัยโลกจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รวมถึงการนำเสนอภารกิจด้านการบริหารจัดการน้ำบาดาลในรูปแบบคลินิกน้ำบาดาล และเชิญผู้ประกอบการร่วมจัดแสดงเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อใช้ในการเกษตรด้วย