นายจ้างแนะทางรอดหลังเปิดเสรีแรงงาน ให้ลูกจ้างหมั่นเรียนรู้ให้รอบด้าน เน้นการเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษ

พุธ ๒๕ เมษายน ๒๐๑๒ ๑๖:๓๑
จ็อบสตรีทดอทคอมหนึ่งในเว็บไซต์จัดหางานที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทยและมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการส่งเสริมความก้าวหน้าด้านอาชีพได้จัดทำผลสำรวจล่าสุดเรื่อง“แรงงานไทยกับการรับมือการเปิดเสรีแรงงาน” พบว่ามีกลุ่มตัวอย่างเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่รู้จักการเปิดเสรีแรงงานและในจำนวนนั้น 43% เชื่อว่าจะทำให้แรงงานไทยหางานได้ยากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับฝ่ายนายจ้าง ที่มีเพียง 34% เท่านั้นที่เชื่อว่านโยบายนี้จะส่งผลดีต่อแรงงานไทย

นางสาวฐนาภรณ์ สถิตพันธุ์เวชา ผู้จัดการสาขาประเทศไทย บริษัท จ็อบสตรีท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา ประเด็นด้านแรงงานที่มีการกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง คือการปรับขั้นค่าแรงขั้นต่ำ และ เปิดเสรีแรงงานอาเซียน ซึ่งนอกจากหน่วยงานด้านการศึกษาที่ต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมให้บัณฑิตใหม่สามารถรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ในอีก 3 ปีข้างหน้าแล้ว หน่วยงาน องค์กร และบริษัทต่างๆ เองก็ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการปลี่ยนแปลงดังกล่าวเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ การประกาศใช้อัตราค่าแรงขั้นต่ำ300 บาท ก็มีผลกระทบไม่น้อยต่ออุตสาหกรรมการจ้างงาน จ็อบสตรีทดอทคอมจึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็น ของทั้งฝ่ายลูกจ้าง และนายจ้าง ในสองประเด็นดังกล่าวขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะได้รับทราบความคิดเห็นและการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือในแง่ของการวางแผนด้านแรงงานที่มีต่อ 2 กรณีดังกล่าวนอกจากนี้ยังได้สำรวจถึงความพอใจต่อการทำงาน และความคาดหวังของลูกจ้างต่อนายจ้างและความหวังของนายจ้างที่มีต่อลูกจ้าง ซึ่งได้ทำเป็นต่อเนื่องเป็นปีที่สองเนื่องในวันแรงงานด้วย ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ได้ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างลูกจ้างในบริษัทเอกชนจำนวน 2,890ราย และกลุ่มตัวแทนนายจ้างจำนวน303 องค์กร”

สำหรับการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือการเปิดเสรีแรงงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้น จากการสำรวจพบว่ามีแรงงานเพียง 56% เท่านั้นที่ระบุว่ารู้จักนโยบายดังกล่าว โดยในจำนวนนั้น 43% เชื่อว่าจะมีผลให้แรงงานไทยหางานได้ยากขึ้น ในส่วนของนายจ้างนั้น 34% คิดว่ามีผลดีต่อแรงงานไทย ในขณะที่ 20% คิดว่าไม่เป็นผลดีต่อแรงงานไทย และ นายจ้างส่วนใหญ่ถึง46% ไม่แน่ใจและไม่ทราบว่าจะส่งผลดีหรือร้ายต่อแรงงานไทย

“เหตุที่นายจ้าง 20% คิดว่าการเปิดเสรีแรงงานจะไม่เป็นผลดีต่อแรงงานนั้น 62% เชื่อว่าการลงทุนอาจไหลไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า เนื่องจากต้นทุนถูกกว่า ทำให้กระทบต่อการจ้างงานในไทย ในขณะที่คิดว่า การที่แรงงานไทยขาดทักษะด้านภาษาอังกฤษจะส่งผลให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดแรงงานได้เมื่อเปิดเสรีแรงงาน นอกจากนี้ อีก 6% เชื่อว่า แรงงานไทยที่มีทักษะสูงจะออกไปทำงานต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมการจ้างงานเกิดภาวะสมองไหล”

“งานสำรวจครั้งนี้มุ่งเน้นที่การเตรียมความพร้อมต่อความเปลี่ยนแปลงด้านการจ้างงานทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อหวังว่าแรงงานไทยจะสามารถแข่งขันในตลาดแรงงานได้ หลังจากการขึ้นค่าแรงมีผลบังคับใช้แล้ว และจะมีการเปิดเสรีแรงงานในอีกไม่กี่ปีนี้ ซึ่งผู้ประกอบการที่ต้องจ่ายค่าแรงมากขึ้น ย่อมคาดหวังการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากพนักงาน ในขณะเดียวกัน เมื่อเปิดเสรีแรงงานแล้ว ตัวเลือกของทั้งนายจ้าง และลูกจ้างเองก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกันแรงงานที่มีทักษะก็สามารถเลือกที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศที่อาจได้รับค่าจ้างสูงกว่า ในขณะเดียวกันนายจ้างเองก็อาจมีตัวเลือกเป็นแรงงานต่างชาติที่มีทักษะดีกว่าโดยเฉพาะในด้านภาษา”

จ็อบสตรีทดอทคอมในฐานะที่เป็นสื่อกลางระหว่างนายจ้าง และลูกจ้าง ได้รวบรวมคำแนะนำจากนายจ้างที่ฝากมายังลูกจ้างเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การเปิดเสรีแรงงานดังนี้ คือ เพิ่มทักษะด้านภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ, หมั่นหาความรู้ ความสามารถเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถทำงานได้หลากหลายขึ้น (Multi Skill), มีวินัยในการทำงาน อดทน สู้งาน ไม่เลือกงาน และสุดท้ายคือ เตรียมรับมือกับการทำงานกับคนที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรม

เมื่อสอบถามถึงเรื่องการขึ้นค่าแรงหรือขึ้นเงินเดือนประจำปี 2555 ลูกจ้าง 52% ระบุว่าได้รับค่าแรงเพิ่ม โดย 36% ในจำนวนนั้น เป็นผลจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เมื่อถามต่อไปถึงความเห็นที่มีต่อการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 37% เชื่อว่ามีผลดีต่อทั้งตนเองและเศรษฐกิจโดยรวม 35% เชื่อว่ามีผลดีต่อตนเองแต่ไม่ดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม 8% คิดว่าไม่เป็นผลดีต่อตนเองแต่ดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม อีก 20% เชื่อว่าไม่ดีต่อทั้งตนเองและเศรษฐกิจโดยรวม

ในฝ่ายนายจ้างนั้น พบว่า 51% มีการปรับขึ้นค่าแรงตามที่กฏมายกำหนด ในขณะที่ 37% ระบุว่าค่าแรงที่จ่ายเกินกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว 8% ระบุว่าไม่ได้ปรับขึ้นเนื่องจากไม่ได้อยู่ใน 7 จังหวัดนำร่อง และ ไม่ได้ปรับขึ้นเนื่องจากเหตุผลอื่นๆ อีก 4%

จ็อบสตรีทดอทคอมได้สำรวจต่อไปถึงผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่มีต่อการจ้างงานในส่วนของนายจ้าง พบว่า 52% ของกลุ่มนายจ้างที่ตอบแบบสอบถามระบุว่าการปรับขึ้นค่าแรงนั้นไม่ได้มีผลต่อการจ้างคนเพิ่มในอนาคต ยังคงมีการจ้างพนักงานเป็นปกติ ในขณะที่ 21% ระบุว่าจะมีการรับคนน้อยลง 5% ระงับการจ้างพนักงานเพิ่ม 12% ไม่มีการจ้างเพิ่มและลดการงานล่วงเวลาลงด้วย โดยกลุ่มที่ระบุว่าจะมีการชะลอและระงับการจ้างพนักงานเพิ่มนั้น 38% คาดว่าจะมีผลต่อไป 3-6 เดือน 22% คาดว่ามีผลมากกว่า 12 เดือน 21% คาดว่าจะมีผลไปอีกเพียง 1-3 เดือน และ 19% คาดว่าน่าจะมีผลต่อไปอีกในระหว่าง 6-12 เดือน

นางสาวฐนาภรณ์ กล่าวต่อไปว่า “และในวันแรงงานของทุกปี จ็อบสตรีทได้ทำการสำรวจความพึงพอใจในการทำงานของลูกจ้าง และความคาดหวังของนายจ้างที่มีต่อลูกจ้าง โดยปีนี้จัดสำรวจเป็นปีที่ 2 แล้วพบว่า 69% ของผู้ตอบแบบสอบถามขณะนี้มีงานทำ แต่ในจำนวนนี้ มีเพียง 36%เท่านั้นที่พอใจกับงานที่ทำในปัจจุบัน 32% รู้สึกเฉยๆ และ อีก 32% ไม่พอใจกับงานในปัจจุบัน โดยสาเหตุหลักที่ไม่พอใจกับงานที่ทำนั้น 52% ระบุว่าเนื่องจากเงินเดือนและค่าตอบแทนไม่จูงใจ 13% ระบุว่าไม่พอใจเจ้านาย 10% ระบุว่างานไม่ท้าทาย 6% ไม่พอใจเนื่องจากที่ทำงานอยู่ไกลเกินไป และเนื่องจากเหตุผลอื่นๆ อีก 18% ซึ่งเหตุผลที่มีการกล่าวถึงมากที่สุดในเหตุผลอื่นๆ คือ เนื่องจากไม่พอใจในระบบการทำงานขององค์กร และ ไม่มีความมั่นคง ขาดความก้าวหน้า เมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมานั้น พบว่าสาเหตุหลักที่ลูกจ้างไม่พอใจกับงานที่ทำนั้น ยังคงเป็นเหตุผลอันเนื่องมาจาก ค่าตอบแทนไม่จูงใจ เช่นเดิม

ทั้งนี้ สิ่งที่แรงงานไทยอยากจะได้จากนายจ้างมากที่สุดในปีนี้ได้แก่ การให้ความเป็นธรรมไม่เอาเปรียบพนักงาน 41% รองลงมาคือ การขึ้นค่าแรงหรือเงินเดือนให้เหมาะสม 27% การเพิ่มสวัสดิการและวันหยุด 14% การเลื่อนตำแหน่งหรือมอบหมายงานที่ท้าทายขึ้น 12%

สำหรับความคาดหวังของนายจ้างที่มีต่อลูกจ้างนั้น พบว่า นายจ้าง 46% คาดหวังว่าลูกจ้างจะมีความรับผิดชอบ และรู้จักหน้าที่ของตน รองลงมา 37% คาดหวังความกระตือรือร้น และทุ่มเทในการทำงาน อันดับต่อมาที่นายจ้างต้องการคือ ความจงรักภักดีต่อองค์กร 7% และ การมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการทำงาน 7%

ความต้องการของลูกจ้าง VS ความต้องการของนายจ้าง

ลูกจ้าง นายจ้าง

การปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบ รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

ขึ้นค่าแรงหรือเงินเดือนให้เหมาะสม กระตือรือร้น ทุ่มเทในการทำงาน

เพิ่มสวัสดิการและวันหยุด จงรักภักดีต่อองค์กร

การเลื่อนตำแหน่งหรือมอบหมายงานที่ท้าทายขึ้น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการทำงาน

“เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันที่เราให้ความสำคัญกับแรงงานไทย จ็อบสตรีทดอทคอมหวังว่าผลสำรวจครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้างในการวางแผนด้านอาชีพ และการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในอุตสาหกรรมแรงงาน” นางสาวฐนาภรณ์กล่าวเพิ่มเติม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง