ศาสตราจารย์ ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO ผู้ดำเนินธุรกิจครบวงจรในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามจากธรรมชาติ ด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่าย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะทำการขยายธุรกิจเครือข่ายจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ Operation BIM ทั้งในและต่างประเทศออกไปอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 30% ตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยแผนการขยายเครือข่ายต่างประเทศบริษัทได้ข้อสรุปร่วมกับ บริษัท VIP International ประเทศมาเลเซีย จัดตั้งบริษัทร่วมกิจกรรมธุรกิจเครือข่ายกับ APCO ภายใต้ชื่อ APCONETWORK ภายในไตรมาส 2 นี้ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ BIM ชนิดน้ำและแคปซูล สำหรับป้องกันและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
จากผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ Operation BIM ในประเทศไทย อิตาลี และอเมริกา สรุปผลออกมาสอดคล้องกันว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถ “เพิ่มชีวิตให้กับเวลา เพิ่มเวลาให้กับชีวิต และเนรมิตชีวิตใหม่” ซึ่งการจัดตั้งเครือข่ายร่วมทุนดังกล่าวในระยะแรกจะครอบคลุมการจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน อินเดีย และไต้หวัน รวมทั้งประเทศไทยด้วย
“การจัดตั้งธุรกิจเครือข่ายร่วมกันในครั้งนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ BIM ขยายไปสู่ประเทศต่างๆได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถเริ่มจำหน่ายได้ทันทีเนื่องจาก VIP International มีสมาชิกเครือข่ายในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศต่างๆอยู่แล้ว นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจเครือข่ายออกไปในประเทศอื่นๆเพิ่มเติมอีกในเร็วๆนี้ ซึ่งประกอบด้วย จีน และ สหรัฐอเมริกา”ศาสตราจารย์ ดร.พิเชษฐ์ กล่าว ส่วนการขยายธุรกิจเครือข่ายในประเทศมีอัตราการขยายตัวค่อนข้างสูง โดยเป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ผลจริงทำให้เกิดความต้องการจากกลุ่มผู้ใช้มากขึ้น อีกทั้งบริษัทได้ทำการปรับกลยุทธ์ขยายธุรกิจเครือข่ายให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มจำนวนพนักงานบริการสุขภาพระดับปริญญาตรีและ ปวส. ขึ้นไป โดยมีผลตอบแทนประจำจากบริษัท เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำด้านสุขภาพและการใช้ผลิตภัณฑ์ Operation BIM อย่างถูกต้อง
ทั้งนี้การขยายเครือข่ายในรูปแบบดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมให้พนักงานบริการสุขภาพของ APCO มีโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่การจัดตั้งศูนย์สุขภาพและความงาม Asian Life ประจำอำเภอที่จะมีผลตอบแทนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ทุกประเภทในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 63.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 12.41 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.11 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมียอดขายสินค้าในส่วนที่มีกำไรขั้นต้นสูงได้มากขึ้น จากการที่บริษัทมีการปรับราคาสินค้าขึ้น 5% และมีรายได้อื่นจากเงินลงทุนระยะสั้น
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะมีการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยเป็นผลจากแผนการขยายธุรกิจเครือข่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งในและต่างประเทศ และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย ร้านโมเดิร์นเทรด Watson P&F Phamar c จำนวนมากกว่า 230 สาขา และ รายการ TV Shopping