ปัจจุบันบ้านสร้างใหม่มีมูลค่าตลาดรวมสูงกว่า 1 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 5 แสนหลังต่อปีโดยในปีที่ผ่านมาTS-teak มีรายได้150 ล้านบาทและตั้งเป้าว่า ในปีนี้จะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท หรือส่วนแบ่งตลาดเพียง 2% เท่านั้น โดยมีอัตราการเติบโตประมาณ 30%ต่อปี สัดส่วนลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติถึง 70% ลูกค้าที่เป็นคนไทย 30% ขณะเดียวกันยังมีลูกค้าบ้าน และคอนโดตามเมืองท่องเที่ยว ซึ่งTS-teak ได้ไปเปิดสาขาที่ ภูเก็ต, สมุย, พัทยา และเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงมาก นอกจากนี้TS-teak ยังได้รับความไว้วางใจจากโครงการ Land & House ที่นำสินค้าของบริษัทไปเป็นส่วนประกอบของบ้านด้วย
“เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เราได้รับรางวัล “ผ่านเกณฑ์การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประเภทเฟอร์นิเจอร์ไม้ระดับดีมาก จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งตลาดไม้สักยังมีความต้องการสูงมาก จึงอยากให้เกษตรกร หันมาปลูกไม้สักกันให้มากขึ้น เพื่อลดปัญหาหาการลักลอบตัดไม้จากป่าธรรมชาติมาจำหน่าย โดยจังหวัดอุตรดิตถ์ ถือเป็นแผ่นดินไม้สัก ซึ่งมีต้นสักที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกถึง 1,500 ปี สิ่งที่ TS-teak ทำอยู่คือภูมิปัญญาชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่น เราเลือกดินที่เหมาะแก่การปลูก จึงอยากให้รณรงค์ปลูกสัก เพราะมีตลาดรองรับแน่นอน และไม้สักไทย มีชื่อเสียงที่สุดในโลก” นายไกรสร กล่าว
สำหรับตลาดต่างประเทศ ได้เริ่มมีการส่งออกประมาณ 20% โดยประเทศที่ส่งไปส่วนใหญ่คือประเทศจีน, สิงค์โปร, มาเลเซีย, รัสเซีย และกลุ่มประเทศยุโรป แต่คาดว่าในปีหน้า จะมีการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 30% และในอนาคตก็จะเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community (AEC) 2015 ดังนั้นเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในแต่ละประเทศก็จะมีความสัมพันธ์กันมากขึ้น ประเทศไทยมีพื้นฐานทางทรัพยากรธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ก็จะมีความเข้มแข็ง จึงควรเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับในเรื่องนี้
อย่างไรก็ดี TS-teak มีสาขาทั้งสิ้น 7 สาขา ประกอบด้วย สำนักงานใหญ่ ที่จ.อุตรดิตถ์ สำนักงานกรุงเทพฯ ซ.บางขุนเทียน 16 โชว์รูมกรุงเทพฯ สาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) อาคาร D ห้อง 109, สาขาพัทยา จ.ชลบุรี, สาขาสมุย,สาขาภูเก็ต อาคาร HAFELE 6C (ตรงข้ามBig C) จ.ภูเก็ต และสาขาเชียงใหม่รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ts-teak.com