‘แบ่งเวลา’ โจทย์ยาก คุณแม่คนทำงาน ขาด ลา มาสาย ปัญหาหลัก

ศุกร์ ๑๐ สิงหาคม ๒๐๑๒ ๑๓:๐๗
จ็อบสตรีทดอทคอม เว็บไซต์จัดหางานที่รวบรวมคนคุณภาพ งานคุณภาพ ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้หญิงทำงานอายุ 22 ปีขึ้นไป จำนวน 281 คน และตัวแทนฝ่ายนายจ้างจำนวน 122 องค์กร ในหัวข้อ ทัศนคติของผู้หญิงที่มีต่อบทบาทคุณแม่คนทำงาน และความใส่ใจของนายจ้างที่มีต่อลูกจ้างสตรี พบว่าหน่วยงานต่างๆ ได้ให้ความสนใจและพัฒนาสวัสดิการเพื่อลูกจ้างหญิงมากขึ้น โดยเฉพาะให้ความสำคัญกับลูกจ้างหญิงที่มีบุตรเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

นางสาวฐนาภรณ์ สถิตพันธุ์เวชา ผู้จัดการสาขาประเทศไทย บริษัท จ็อบสตรีท (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของตัวแทนนายจ้างจาก 122 บริษัท โดยแบ่งเป็นบริษัทขนาดเล็กมีพนักงานไม่เกิน 50 คน 48.4% บริษัทขนาดกลาง มีพนักงานตั้งแต่ 50-200 คน 34.4% และบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนพนักงานมากกว่า 200 คน อีก 17.2% พบว่า 54% มีพนักงานหญิงในองค์กรมากกว่า 50% นอกจากนี้ จากตัวเลขสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2551 พบว่าประเทศไทยมีแรงงานสตรีที่อยู่ในระบบจำนวน 6.33 ล้านคน และนอกระบบอีก 11.09 ล้านคนนั่นย่อมเป็นสิ่งที่ชี้ชัดว่าแรงงานหญิงมีบทบาทและความสำคัญมากต่อการขับเคลื่อนองค์กร ดังนั้นการใส่ใจความต้องการของพนักงานหญิงเป็นสิ่งที่จะละเลยไม่ได้เลยทีเดียว

“การสำรวจความคิดเห็นครั้งนี้ทำขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งลูกจ้างและนายจ้างได้ทราบถึงความต้องการของแต่ละฝ่าย เพื่อหาจุดที่เหมาะสมในการจัดสวัสดิการและในขณะเดียวกัน เพื่อให้พนักงานได้ตระหนักในความรับผิดชอบอันจะส่งผลดีต่อการทำงานของตนเองด้วย”

กลุ่มผู้ที่ทำการตอบแบบสอบถามนั้น 47% เป็นโสด 36% เป็นหญิงที่สมรสและมีบุตรแล้ว 8% เป็นหญิงที่สมรสแล้วแต่ยังไม่มีบุตร อีก 9% หย่าร้างแล้ว โดย 40% ให้ความเห็นว่าบริษัทไม่ใส่ใจต่อความต้องการของพนักงานที่มีบุตร 26% ระบุว่าบริษัทใส่ใจความต้องการของพนักงานกลุ่มดังกล่าว และอีก 34% ไม่แน่ใจ และมีผู้ตอบแบบสอบถามถึง 71.5% ที่คิดว่าเป้าหมายในการทำงานจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีบุตร โดยในจำนวนนี้ 35% คิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำงานภายหลังการมีบุตรคือเงินเดือนที่สูงขึ้น รองลงมา 29% อยากได้งานที่มีชั่วโมงการทำงานสั้นลงและมีเวลาที่แน่นอน 25% อยากได้งานที่มีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น 8% คือการเดินทางที่น้อยลงและอื่นๆ อีก 4% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการสำรวจในปี2554 ที่ผ่านมา

นางสาวฐนาภรณ์ สถิตพันธุ์เวชา ผู้จัดการสาขาประเทศไทย บริษัท จ็อบสตรีท (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่า “จากผลการสำรวจจะเห็นได้ชัดเจนว่า ความต้องการของคุณแม่คนทำงานจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีบุตร โดยเฉพาะในเรื่องของรายได้และเวลา แต่ถึงแม้ว่าพนักงานหญิงจะมีเป้าหมายในการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป แต่มีเพียง 1% เท่านั้น ที่คิดจะลาออกจากงานเพื่อทำหน้าที่ดูแลบุตรเพียงอย่างเดียว โดยมีถึง 63% ที่ยังต้องการจะทำงานต่อไปตามปกติ และ 25% วางแผนหยุดทำงานเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ในจำนวนนั้น 57% อาจหยุดทำงานเพียงไม่เกิน 2 ปี เท่านั้น ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ไม่สามารถออกจากการทำงานได้ เนื่องจากความจำเป็นทางเศรษฐกิจ 58% รองลงมาคือ ต้องการความก้าวหน้าในอาชีพการทำงาน 22% ชอบในงานที่ทำอยู่ 12% และด้วยเหตุผลอื่นๆ อีก 8% ซึ่งหากองค์กรตระหนักถึงความต้องการเหล่านี้และสามารถเติมเต็มให้กับพนักงานหญิงได้ ก็จะสามารถช่วยลดอัตราการลาออกจากงานได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างความผูกพันและจงรักภักดีต่อองค์กรให้เกิดขึ้นได้ด้วย”

นางสาวฐนาภรณ์กล่าวต่อไปว่า ในส่วนขององค์กรนั้น มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน สำหรับการให้ความสำคัญกับพนักงานที่ตั้งครรภ์หรือมีบุตร เพราะหากเทียบกับปีที่ผ่านมา มีบริษัทมากถึง 45% ที่ไม่มีการจัดสวัสดิการใดให้พนักงานที่ตั้งครรภ์หรือมีบุตรเลยแต่ในปีนี้มีเพียง 23% เท่านั้นที่ไม่มีการจัดสวัสดิการใดเป็นพิเศษสำหรับพนักงานที่ตั้งครรภ์หรือพนักงานที่มีบุตร ในขณะดียวกัน 66% ขององค์กรที่ตอบแบบสอบถาม ให้ความสำคัญกับสวัสดิการเพื่อพนักงานหญิงในระดับปานกลาง และ 11% ให้ความสำคัญมาก เท่ากับปีที่ผ่านมา

สำหรับสวัสดิการเพื่อพนักงานตั้งครรภ์หรือพนักงานที่มีบุตรที่องค์กรจัดให้พนักงานนั้น สวัสดิการที่มีการมอบให้พนักงานสูงสุดห้าลำดับแรกคือ 27% ให้ของขวัญแรกคลอด 19% ปรับเปลี่ยนหน้าที่ที่เหมาะสมให้ 13% ช่วยเหลือค่าคลอดบุตร 10% ยืดหยุ่นเวลาทำงานให้ และ 2.5% จัดห้องสำหรับปั๊มน้ำนม ในขณะที่สิ่งที่คุณแม่คนทำงานอยากจะเรียกร้องต่อนายจ้าง มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น (41%) เงินเดือนที่สูงขึ้น (40%) เงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตร (38%) ทุนการศึกษาให้บุตร (33%) และ วันหยุดที่เพิ่มขึ้น (26%)

เปรียบเทียบความต้องการของคุณแม่คนทำงาน และ สวัสดิการจากนายจ้างสูงสุด 5 ลำดับแรก

ความต้องการของคุณแม่ สวัสดิการจากนายจ้าง

เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น ให้ของขวัญแรกคลอด

เงินเดือนที่สูงขึ้น ปรับเปลี่ยนหน้าที่ที่เหมาะสมให้

เงินช่วยเหลือค่าเลี้ยงดูบุตร ช่วยเหลือค่าคลอดบุตร

ทุนการศึกษาให้บุตร ยืดหยุ่นเวลาทำงานให้

วันหยุดที่เพิ่มขึ้น จัดห้องสำหรับปั๊มน้ำนม

เมื่อถามถึงแผนการเพิ่มสวัสดิการให้กับพนักงานหญิงที่มีบุตร 16% แจ้งว่ามีแผนในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า 8% มีแผนการในระยะยาวคืออีก 5 ปีข้างหน้า ในขณะที่ 76% ยังไม่มีแผนเลย

“ทั้งนี้ 67.2% นายจ้างที่ตอบแบบสอบถามให้ความเห็นว่าไม่ได้นำเรื่องการมีบุตรหรือไม่มาเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณารับพนักงาน โดยให้เหตุผลว่า การที่มีบุตรจะทำให้พนักงานมีความอดทนมากกว่าคนที่ยังไม่มีบุตร สำหรับ 32.8% ของนายจ้างที่มีแนวโน้มว่าจะไม่จ้างผู้สมัครที่มีบุตรแล้วเนื่องจากเป็นห่วงว่าจะทุ่มเทกับงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีภาระทางครอบครัว”

เมื่อสอบถามถึงปัญหาที่เคยพบจากพนักงานหญิงที่มีบุตรพบว่า 53.3% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า เคยพบปัญหาจากพนักงานหญิงที่มีบุตรโดยมีอัตราการขาด ลา มาสายสูง เนื่องมาจากภาะที่เกี่ยวกับบุตร 21.3% ต้องหาพนักงานใหม่เนื่องจากพนักงานเก่าลาออกเพื่อไปดูแลบุตร 10.7% พบว่าพนักงานไม่ทุ่มเทกับการทำงานเหมือนเดิม และ 28.7% ไม่เคยพบปัญหาจากพนักงานกลุ่มดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นายจ้าง 50% เชื่อมั่นว่าพนักงานที่มีบุตรยังสามารถทุ่มเทกับงานได้แน่นอน ในขณะที่ 32.8% ไม่แน่ใจ และ17.2% เชื่อว่าไม่สามารถทุ่มเทได้แน่นอน

“เราเชื่อว่าคุณแม่คนทำงานทุกคนนั้น มีจุดมุ่งหมายที่เหมือนกันคือ การได้ทำงานไปพร้อมๆ กับการเลี้ยงดูบุตรให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีและคนเก่ง ประสบความสำเร็จกับหน้าที่การงานในอนาคต ซึ่งจ็อบสตรีทดอทคอมได้สอบถามถึงอาชีพที่คุณแม่อยากให้ลูกทำมากที่สุด พบว่า 5 ลำดับแรกของอาชีพในฝัน คือธุรกิจส่วนตัว รองลงมาคือแพทย์ วิศวกร ครู/อาจารย์ และทหาร ตามลำดับ”

นางสาวฐนาภรณ์ยังได้แนะนำถึงเคล็ดลับในการทำงานและเลี้ยงดูลูกไปพร้อมๆ กัน โดยที่คุณแม่ไม่ต้องรู้สึกเครียดหรือกดดันมาก สิ่งสำคัญคือการมองโลกในแง่ดี และการปล่อยวาง “เมื่อต้องรับภาระทั้งนอกบ้านและในบ้าน เรื่องสำคัญคือการแบ่งเวลา เมื่อทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ ‘ต้องทำ’ บางครั้งก็ต้องเลือกงานก่อน สิ่งที่ตามมาคือ คุณแม่ส่วนมากจะรู้สึกผิดหากมีเวลาให้ลูกไม่เต็มที่ หรือจะกล่าวโทษตัวเองเมื่อเกิดข้อผิดพลาด ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ การพยายามเลือกทำในสิ่งที่จำเป็น ไม่เสียเวลากับเรื่องเล็กน้อย ที่สำคัญคือการพูดคุยและให้สมาชิกในบ้านมีส่วนร่วมในการดูแลเรื่องต่างๆ ในบ้านเพื่อลดภาระของคุณแม่ที่ยังต้องทำงานนอกบ้าน สุดท้ายอย่าลืมว่าแม้คุณแม่จะมีภาระต้องรับผิดชอบมากมาย แต่การดูแลตัวเองและเวลาส่วนตัวก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ การหาเวลาว่างให้ตัวเองเพื่อทำกิจกรรมที่ชอบ เช่นสปา ทำผม หรือนัดทานข้าวกับเพื่อนเก่าบ้าง จะช่วยลดความเครียดและฟื้นฟูพลังให้คุณแม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว”

เกี่ยวกับจ็อบสตรีทดอทคอม ประเทศไทย

จ็อบสตรีทดอทคอมได้ดำเนินงานร่วมกับบริษัท สนุก ออนไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งในประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 และมุ่งมั่นที่จะขยายบริการจัดหางานออนไลน์ในประเทศไทย เพื่อช่วยให้ผู้หางานในประเทศไทยมีโอกาสหาตำแหน่งงานที่ต้องการทั้งภายในและต่างประเทศ ปัจจุบันให้บริการแก่องค์กรและบริษัทมากกว่า 15,000 แห่ง และผู้หางานมากกว่า 580,000 ราย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง