เกียรตินาคิน-ภัทร ร่วมกิจการประสบความสำเร็จ จัดทัพผู้บริหาร เดินหน้ารุกธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุนอย่างเต็มรูปแบบ

พฤหัส ๑๓ กันยายน ๒๐๑๒ ๑๓:๐๖
เกียรตินาคิน-ภัทรแจ้งการร่วมกิจการของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (“ธนาคาร”) และบริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) (“ภัทร”) แล้วเสร็จมีผลตามกฎหมายในวันที่ 13 กันยายน 2555 และจากนี้ไปธนาคารและภัทร ซึ่งรวมเรียกว่า “กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน-ภัทร” (“กลุ่มธุรกิจฯ” หรือ “เกียรตินาคิน-ภัทร”) พร้อมเดินหน้า รุกธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุนอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นเลิศในทุกธุรกิจหลักที่กลุ่มธุรกิจฯ เลือกที่จะดำเนินการ และประกาศแต่งตั้ง “บรรยง พงษ์พานิช” ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมด้วย “ธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล” เป็นประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์และกรรมการผู้จัดการใหญ่ และมี “อภินันท์ เกลียวปฏินนท์” ดำรงตำแหน่งประธานธุรกิจตลาดทุนและกรรมการผู้จัดการใหญ่

เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว เกียรตินาคิน-ภัทรจะประสานประโยชน์และใช้ความรู้ความชำนาญในการดำเนินธุรกิจซึ่งเป็นจุดแข็งของทั้งสองกิจการเพื่อเพิ่มศักยภาพของกลุ่มธุรกิจฯ พัฒนาประสิทธิภาพทั้งในด้านกระบวนการทำงาน การบริหารทรัพยากรบุคคล การจัดกระบวนการคิดที่เป็นระบบและการทำงานเป็นทีม ให้ความสำคัญกับการระดมสมองจากกลุ่มบุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่หลากหลายภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดทั้งต่อลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้นของธนาคารรวมถึงส่งเสริมการพัฒนาตลาดการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ

นายสุพล วัธนเวคิน ประธานกรรมการ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภายหลังการร่วมกิจการเกียรตินาคิน-ภัทร จะดำเนินธุรกิจหลักสองด้าน ได้แก่ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุน ทั้งนี้ จากเดิมที่ธนาคารทำธุรกิจลูกค้าบุคคลเป็นหลัก ขณะที่ธุรกิจของภัทรจะเน้นที่ธุรกิจสถาบัน ลูกค้าบุคคลรายใหญ่ วานิชธนกิจ และการลงทุน ภายหลังการร่วมกิจการ กลุ่มธุรกิจฯ จะมีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ภายใต้การนำของนายบรรยง พงษ์พานิช ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการธนาคารให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์จะอยู่ภายใต้การดำเนินการของนายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล (ประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์และกรรมการผู้จัดการใหญ่) ในขณะที่ธุรกิจตลาดทุนจะอยู่ภายใต้การดำเนินการของนายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ (ประธานธุรกิจตลาดทุนและกรรมการผู้จัดการใหญ่) โดยทั้งนายธวัชไชยและนายอภินันท์จะรายงานตรงต่อนายบรรยงและร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด”

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในเรื่องการบริหารวัฒนธรรมองค์กร เป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งสององค์กรถึงแม้จะประกอบธุรกิจในตลาดการเงินเช่นเดียวกัน แต่ย่อมมีความแตกต่างทั้งด้านหลักการดำเนินธุรกิจ (Business Principles) รูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business Model) วิธีการดำเนินธุรกิจ (Business Practices) รวมถึงวัฒนธรรมองค์กร (Organization Culture) ซึ่งแต่ละองค์กรต่างก็สร้างสรรค์สะสมมาตลอดระยะเวลาการประกอบธุรกิจที่ผ่านมาหลายสิบปี ซึ่งทั้งประธานกรรมการ คณะกรรมการ ผม และผู้บริหารของ “กลุ่มธุรกิจฯ” ตระหนักดีว่าภารกิจสำคัญเริ่มแรกคือการประสาน หล่อหลอมและปรับตัวเข้าหากัน ในทุกด้านเพื่อกำหนด “หลักการ-รูปแบบ-วิธีการ-วัฒนธรรม” ร่วมกันของ ”เกียรตินาคิน-ภัทร” ให้เป็นหลักเริ่มต้นของการพัฒนาองค์กรสู่การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จะต้องมีความยืดหยุ่นสามารถปรับตัวได้ดี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมและการแข่งขันในอนาคต”

“ภายหลังการร่วมกิจการ กลุ่มธุรกิจฯ จะมีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อการกระจายรายได้ที่ดี เพิ่มความมีเสถียรภาพของผลประกอบการ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของกลุ่มธุรกิจฯ โดยในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ภายใต้การดูแลของนายธวัชไชย จะมีการปรับปรุงจุดยืนและทิศทางการดำเนินธุรกิจ มีการขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจสินเชื่อ ตลอดจนพิจารณาเพิ่มสายธุรกิจใหม่ที่เห็นว่ามีโอกาสทางธุรกิจที่ดี เพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน ด้านกลยุทธ์การพัฒนาเครือข่ายและการระดมเงินฝากของธนาคารก็จะต้องสอดคล้องกับการเจริญเติบโตของธุรกิจและกลยุทธ์ขององค์กรในภาพรวม อีกทั้งจะบริหารจัดการต้นทุนการปฏิบัติงานและต้นทุนทางการเงินขององค์กรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างสมดุล สำหรับด้านธุรกิจตลาดทุน ภายใต้ความรับผิดชอบของนายอภินันท์ จะครอบคลุมทั้งส่วนที่เป็นลูกค้าสถาบันและลูกค้าบุคคล โดยมุ่งเน้นที่จะขยายขอบเขตและขนาดการดำเนินธุรกิจ โดยใช้ทรัพยากรของกลุ่มธุรกิจฯ ที่เกิดจากการร่วมกิจการ อันได้แก่ จำนวนลูกค้าร่วม เงินกองทุน องค์ความรู้และฐานข้อมูล ความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ เครือข่ายสาขา ซึ่งจะส่งผลให้มีการเพิ่มขอบเขตการประกอบธุรกิจตามใบอนุญาตที่มีอยู่ให้เกิดศักยภาพสูงสุดในการให้บริการ”

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน