“ผู้นำประเทศเอเชียและแปซิฟิก รวมถึงผู้นำรัฐบาลไทยโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ควรได้รับการชื่นชม ที่ได้ให้การยอมรับต่อสาธารณะว่าการลักลอบค้าสัตว์ป่า เป็นปัญหาร้ายแรงที่ต้องหยิบยกขึ้นมาพูดถึง ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่แรงกล้าจากประเทศที่เป็นตลาดค้าสัตว์ป่าหลักในเอเชีย ว่าอาชญากรรมต่อสัตว์ป่าที่ลุกลามในขณะนี้จะต้องยุติลง
“การลักลอบค้าสัตว์ป่า เป็นกระแสอาชญากรรมโลก ที่ส่งผลให้ประชากรสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ โดยแต่ละปีมีช้างและแรดหลายพันตัวที่ถูกฆ่า เพื่อสนองตอบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์สัตว์ป่าผิดกฏหมายเหล่านี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องควรจะต้องเพิ่มความพยายามมากขึ้นในการต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรมที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกขณะ และเป็นผู้พยายามลักลอบนำสินค้าผิดกฏหมายเหล่านี้ข้ามพรมแดนทั้งทางบก ทางเรือและทางอากาศ รวมทั้งนำกำไรผิดกฏหมายเหล่านี้ ไปเป็นทุนในการกระทำผิดกฏหมายด้านอื่น เช่น การคอร์รัปชั่น การฟอกเงิน การลักลอบค้ายาและค้าอาวุธ เป็นต้น
“เราหวังว่าการให้คำมั่นสัญญาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อปกป้องสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ และขอให้มีการดำเนินการก่อนที่จะสายเกินไป เพราะปัญหาเช่นนี้มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ”
ในแถลงการณ์ ผู้นำชาติเอเปคได้มีถ้อยแถลงที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบค้าสัตว์ป่าและไม้ผิดกฏหมายดังนี้
“เรายอมรับว่าทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศที่เราพึ่งพิง เป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ดังนั้น เราจึงมีความห่วงใยถึงการเพิ่มขึ้นของปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และสัตว์สงวน รวมไปถึงทรัพยากรทางทะเลและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทรัพยากรเหล่านี้ล้วนมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของเรา ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อมเราให้คำมั่นสัญญาที่จะเพิ่มความพยายามในการต่อสู้กับการลักลอบค้าสัตว์ป่า, ไม้ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างผิดกฏหมาย และเพิ่มการบังคับใช้มาตรการเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการระบบนิเวศในป่าและทางทะเลอย่างยั่งยืน รวมทั้งอำนวยความสะดวกสำหรับการค้าขายผลิตภัณฑ์จากป่าที่ไม่ได้มาจากการตัดไม้ อย่างยั่งยืน เปิดกว้างและเป็นธรรม เราจะดำเนินขั้นตอนสำคัญในการส่งเสริมการบริหารจัดการและอนุรักษ์ประชากรสัตว์ป่าอย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆกับการจัดการกับอุปสงค์และอุปทานผิดกฏหมายที่มีต่อสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์และสัตว์ป่าสายพันธุ์อนุรักษ์ ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพ ความร่วมมือ การเพิ่มการบังคับใช้กฏหมาย และกลไกอื่นๆ”