นายประยงค์ อัฒจักร ผู้อำนวยการ สำนักฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เผยว่า ความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการปรับโครงสร้างหนี้ตาม พรบ. 7 เมษายน 2553 ที่ กฟก. ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดำเนินการภายใต้นโยบายของรัฐ โดยมีเป้าหมายปรับโครงสร้างหนี้ให้เกษตรกรประมาณ 510,000 ราย ซึ่งแบ่งเกษตรกรเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแรก คือเกษตรกรที่เป็นสมาชิกของ กฟก. ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ประมาณ 8 หมื่นราย กลุ่มที่สอง คือ เกษตรกรที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมาชิกของ กฟก. ประมาณ 3.5 แสนราย กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มที่เป็นหนี้นายทุนและสถาบันการเงินอื่น ๆ ประมาณ 8 หมื่นราย
กฟก. ได้มีการวางแผนการดำเนินงานช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรเบื้องต้น ซึ่ง กฟก. เป็นผู้ประสานงานปรับโครงสร้างหน้าตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีการแบ่งภาระหนี้เป็น 2 ส่วน คือ เงินต้น 50 เปอร์เซ็นต์ ดอกเบี้ย 50 เปอร์เซ็นต์ และจะแบ่งชำระเฉพาะในส่วนที่เป็นเงินต้นให้หมดภายในระยะเวลา 15 ปีหลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูพัฒนาอาชีพ เพื่อพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ส่วนการเบิกจ่ายเงินให้แก่องค์กรเกษตรกรทั่วประเทศ ที่ผ่านการอนุมัติจาก กฟก. ในงบฟื้นฟูอาชีพให้กับเกษตรการที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้และเข้าศูนย์ฝึกอบรมแล้ว รายละ 7,000 บาท ประมาณ 2 พันกว่าราย งบประมาณไม่น้อยกว่า 14 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้กับหัวหน้าสาขา กฟก. ทั่วประเทศลงพื้นที่เพื่อชี้แจงรายละเอียดให้สมาชิกและผู้นำองค์กรเกษตรกรทราบ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ การจัดทำเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินให้มีความถูกต้อง และเข้าใจถึงหลักเกณฑ์การใช้เงินให้เป็นไปตามระเบียบ เพื่อให้การดำเนินการในโครงการ “พัฒนาศักยภาพองค์กร” มีความสะดวก รวดเร็ว เอื้อประโยชน์แก่พี่น้องชาวเกษตรกรไทยให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ และเพื่อให้สมาชิกพัฒนาความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
ด้านนายวิรัช รอดสุข ประธานกลุ่มเกษตรกรตำบลพังราด จ.ระยอง เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า เงินอุดหนุนที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) ในโครงการ “พัฒนาศักยภาพองค์กร” นั้น ทางองค์กรได้หารือร่วมกับสมาชิกว่า จะนำเงินไปใช้ทำกิจกรรม 4 กิจกรรมด้วยกัน ได้แก่ 1. การอบรมปรับกระบวนทัศน์ 2. การจัดทำแผนแม่บท 3. การศึกษาดูงาน ซึ่งจะไปดูงานเกี่ยวกับการเลี้ยงโคขุนและการนำวัตถุดิบเหลือจากการเกษตรนำมา เพิ่มคุณค่าทางอาหารเพื่อนำมาเลี้ยงสัตว์ และ 4. สรุปแผนโครงการ โดยทางองค์กรมีวัตถุประสงค์ขององค์กรในการเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุน คือ ต้องการให้องค์กรได้มีส่วนร่วมและทำงานเป็นทีม เพื่อปรับแนวคิดและพัฒนาตนเองของสมาชิกองค์กรโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้สมาชิกมีความรู้ความเข้าใจในการทำการเกษตรผสมผสานและการปศุสัตว์ เพื่อให้สมาชิกพัฒนาความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ครั้งนี้องค์กรได้รับเงินอุดหนุนจากสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) นับว่าเป็นโอกาสที่ดีเป็นอย่างมาก ที่องค์กรและสมาชิกจะได้นำเงินที่ได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการหาข้อมูลเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นทำอาชีพสร้างรายได้ให้สมาชิกทุกคนแบบยั่งยืนต่อไปในอนาคต